[ขำๆส่งท้ายปี...] ชอบฉายาอันไหนลองเข้ามาดูกันซิจ๊ะ..อับเดทของผู้สื่อข่าวสายสภา







เริ่มจากของ.. ครป...



ฉายารัฐบาลจากครป.[คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย] มิใช้ คณะกรรมการที่ถูกหาว่าด่ารัฐบาลจนเป็นขาประจำ..



ฉายาการเมืองประจำปี 2548 นายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ กรรมการ ครป. กล่าวถึง ครป.ได้ตั้งฉายาฝ่ายต่างๆ จากการประเมินการเมืองในรอบปีว่า





รัฐบาลงาบ "งาบ" หมายถึง อาการอ้าปากกว้างกินเหยื่อคำโต สะท้อนการคอร์รัปชั่นที่แปรจากโครตโกงเป็นโกงทั้งโคตร แปรจากโครงการรัฐธรรมดาเป็นเมกะโปรเจ็คต์หรือโครงการระดับแสนล้านบาท อาการโกงกินแบบมูมมามจึงมักไม่เห็นเท่ากับอาการกินแบบงาบ





นายก รัฐมนตรีเหลี่ยมหด "เหลี่ยมหด" หมายถึง เหลี่ยมทางการเมืองของท่านผู้นำยังแพรวพราวและซ่อนเงื่อนปมมากขึ้น วิสัยทัศน์หรือนโยบายแฝงฝังไปด้วยวาระซ่อนเร้น ในระยะหลังสังคมเริ่มจับได้ทำให้ท่านผู้นำต้องยอมมุ้งวังต่างในพรรคและกลุ่ม การเมืองอำนาจเก่ามากขึ้น





สภาผู้แทนราษฎร สภานายจ้าง "สภานายจ้าง" หมายถึง ทำงานโดยเอาความพึงพอใจของนายจ้างหรือเจ้าของโรงงานเป็นที่ตั้ง ขาดความเป็นอิสระและยึดโยงกับผลประโยชน์ของประชาชนหรือส่วนรวมน้อยเกินไป



" วุฒิสภา สภาชินชา "สภาชินชา" หมายถึง แม้เป็นวุฒิสภามาจากการเลือกตั้งไม่สังกัดพรรค แต่ยังไม่มีหลักเชื่อถือ ทำให้ประชาชนชินชาซ้ำซากกับความผิดหวัง ด้วยเหตุที่มีความโยงใยใกล้ชิดกับคนในตระกูลชิน" นายนิติรัตน์กล่าว และว่า





สำหรับวาทะเด็ดแห่งปี 2548 คือ "จังหวัดที่ไว้วางใจเราน้อย ต้องเอาไว้ทีหลัง" ที่นายกรัฐมนตรีกล่าวเมื่อวันที่ 31 ต.ค.2548 ที่ อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์





ส่วนหนึ่งของข่าวที่ครป.เขาจัดารแถลงประเมินถอดรูปการเมืองไทย"48 และโฉมหน้าปี"4ซึ้งตัดมาจากมติชน..





สนใจอ่านเพิ่มเติม







มติชน "ครป."จัดแถลงประเมินถอดรูปการเมืองไทย"48 และโฉมหน้าปี"49





ต่อด้วยของ...เอแบคโพลล์







สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับ "ฉายารัฐบาลและบุคคลการเมืองแห่งปี 2548 ในสายตาของประชาชน 32 จังหวัดทั่วประเทศ" จำนวน 14,538 ตัวอย่าง





พบว่าประชาชนชื่นชอบฉายารัฐบาลแห่งปี 2548 อันดับ 1 คือ รัฐบาลไฟไหม้ฟาง รองลงมาคือ รัฐบาลเสือนอนกิน รัฐบาลซานตาคลอส รัฐบาลโชว์ห่วย รัฐบาลปากหวาน รัฐบาลไฮเทค รัฐบาลการตลาดขาลง รัฐบาลจอมโปรเจกต์ รัฐบาลจอมสร้างภาพ รัฐบาลจอมโต้รุ่ง



ขณะที่ชื่นชอบฉายาฝ่ายค้าน อันดับ 1 คือ จอมแฉ รองลงมาคือ เสือหลับ เต่าล้านปี จอมตรวจสอบ ขาลุย ไฟส่องทาง ฝ่ายค้านผู้เยือกเย็น จอมสร้างภาพ จิ๋วแต่แจ๋ว ขุนศึกใบมีดโกน





ส่วนวุฒิสภา ประชาชนเลือกฉายาอันดับ 1 คือ เห็นช้างขี้ขี้ตามช้าง ราชสีห์เขี้ยวหัก จอมเฉื่อย ร่างทรง เปาบุ้นจิ้น หมูพะโล้ สมองจิ๋ว ไม้กระดาน สภาโจ๊ก มือปืนรับจ้าง







ส่วหนึ่งของข่าว...ที่ตัดมาจากสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับ "ฉายารัฐบาลและบุคคลการเมืองแห่งปี 2548 ในสายตาของประชาชน 32 จังหวัดทั่วประเทศ"จากผู้จัดการ...



สนใจคลิกได้ที่...









ผู้จัดการ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับ "ฉายารัฐบาลและบุคคลการเมืองแห่งปี 2548 ในสายตาของประชาชน 32 จังหวัดทั่วประเทศ" ผู้จัดการ





และล่าสุดกะ... นักข่าวสายทำเนียบ





ฉายารัฐบาล... “ประชาระทม”



เหตุผล....



ที่ผ่านมารัฐบาลโหมใช้นโยบายประชานิยมโฆษณาชวนเชื่อ จนประชาชนมอบความไว้วางใจด้วยคะแนนท่วมท้นให้เป็นรัฐบาลอีกสมัย โดยหวังว่า จะเข้ามาพลิกฟื้นคุณภาพชีวิตให้อยู่ดี กินดี แต่หลังจากบริหารประเทศ ยังไม่ทันครบปี ปรากฎว่า นโยบายประชานิยมกลับพ่นพิษ ทำให้ประชาชนต่างทุกข์ระทม ภาวะหนี้สินทุกครัวเรือนพุ่งขึ้นไม่หยุด เข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง เกิดความรุนแรงในสังคม กอปรกับสถานการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่มีทีท่าจะยุติ มิหนำซ้ำยังมีข่าวฉาวคอรัปชั่น เอื้อผลประโยชน์พวกพ้อง ขนาดองค์กรอิสระที่ชาวบ้านหวังเป็นที่พึ่ง ยังถูกครอบงำจนไม่สามารถทำหน้าที่ได้ แม้รัฐบาลจะตีปี๊บประโคมข่าว ตัวเลขอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจะดีดตัวสูงขึ้น แต่ประชาชนชั้นรากหญ้ายังต้องระทมทุกข์ต่อไป







วาทะแห่งปี... “จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้เราต้องดูแลเป็นพิเศษ”



เหตุผล....



เป็นคำพูดของนายกฯที่สร้างความฮือฮาให้กับคนทั้งประเทศ และถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด ในระหว่างการลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจร จ .นครสวรรค์ หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งซ่อม โดยเฉพาะที่จ.พิจิตร เป็นการสะท้อน ให้เห็นถึงแนวคิดของผู้นำในการเลือกปฏิบัติ เน้นการเมืองสำคัญมากกว่าการบริหารประเทศ



“ แน่นอนครับ… ผมตรงไปตรงมา ผมไม่อ้อมค้อม จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้เราต้องดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งเราก็ต้องดูแลคนทั้งประเทศ แต่เนื่องจากว่าเวลามันจำกัด เอาเวลาไปจังหวัดที่ไว้วางใจเราเป็นพิเศษก่อน จังหวัดที่ไว้วางใจเราน้อยก็ไปทีหลัง ไม่ใช่ไม่ไป แต่ไปทีหลัง ก็เรียงคิว ต้องเรียงกัน”









1.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร "พ่อมดมนต์เสื่อม"





เหตุผล...





ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนอย่างท่วมท้น กว่า 19 ล้านเสียง นั่งแท่นเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่สอง อย่างสง่างาม แต่จากการทำงานช่วงระยะเวลาไม่ถึงปี ภาพเดิมที่เคยถูกมองว่าเป็น “เทวดา” เก่งและเนรมิตได้ทุกเรื่อง ใครแตะต้องไม่ได้ กลับกลายเป็น “พ่อมด”ที่ใช้แต่อารมณ์ ยิ่งเมื่อถูกรุมเร้าด้วยปัญหาสารพัด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง สุดท้ายต้องแหงนหน้าพึ่งดาวพุธ ถอยฉากตั้งหลัก ขณะเดียวกันความเชื่อมั่นลดลงไปเรื่อยๆ เพราะถูกจับได้ไล่ทันว่า ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้ ประชาชนเสื่อมศรัทธาไม่เชื่อถือในความซื่อสัตย์ ไม่เพียงแค่ประชาชน แม้แต่ลูกพรรคไทยรักไทยยังออกมาลองของไม่เว้นแต่ละวัน คำพูดของท่านผู้นำที่เคยศักดิ์สิทธิ์ในวันนี้กลับเสื่อมถอยลง





2.นายวิษณุ เครืองาม... "ทนายหน้าหอ"





เหตุผล...



เป็นเนติบริกร ให้กับรัฐบาล “ทักษิณ” เพื่อใช้ข้อกฎหมายมาพลิกแพลงให้เป็นคุณต่อรัฐบาล บางครั้งถึงกับยอมพลิกลิ้น ฉีกตำรากฎหมาย หาช่องทางสนองบัญชาให้เป็นไปตามความต้องการของรัฐบาล มาในปีนี้ ยิ่งหนักข้อขึ้น เมื่อรัฐบาลเจอวิกฤติร้อนๆ สารพัดเรื่อง จากสถานะมือกฎหมายของรัฐบาล นายวิษณุ จึงต้องตกที่นั่งกลายมารับหน้าที่เป็นทนายแก้ต่าง เพื่อคลายปมปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทุจริตซีทีเอ็กซ์ ปัญหา กสช.การแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช การถ่ายโอนโรงเรียนไปยังท้องถิ่น จึงเปรียบได้แค่ทนายหน้าหอ มีหน้าที่คอยแก้ตัวสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลเท่านั้น





3.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ... "ซากซีทีเอ็กซ์"





เหตุผล...





ถูกฝ่ายค้านลากขึ้นเขียงอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นคนแรก ของรัฐบาล “ทักษิณ 2” จากกรณีการทุจริตจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ 9000 ในโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ส่งผลให้ภาพลักษณ์รัฐบาลติดลบ สอบตกเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตอย่างร้ายแรงนับแต่นั้นมา แม้นายกรัฐมนตรีจะปรับพ้นเก้าอี้ รมว.คมนาคม เพื่อลดกระแส แต่ยังเอื้ออาทรยอมให้ตำแหน่งรองนายกฯ ควบกระทรวงอุตสาหกรรม แถมยังให้อำนาจกำกับดูแลกระทรวงคมนาคมต่อ และแม้จะพยายามดิ้นสุดฤทธิ์จนได้เครื่องซีทีเอ็กซ์ เจ้าปัญหามาการันตีความบริสุทธิ์แล้วก็ตาม แต่สังคมปักใจเชื่อว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ชะตากรรมของนายสุริยะจึงไม่ต่างกับซากซีทีเอ็กซ์ที่อยู่ในความทรงจำของผู้คน ตลอดไป







4.พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์... "ปลั๊กหลวม"





เหตุผล...





เป็นนายตำรวจรุ่นพี่นายกรัฐมนตรี มีดีกรีถึงดอกเตอร์ ถูกคาดหวังให้มารับผิดชอบเรื่องความมั่นคง แทน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รับหน้าเสื่อดับไฟใต้ แต่เมื่อทำงานจริงกลับไม่สัมฤทธิ์ผลตามราคาคุย ถึงจะขยันออกนโยบาย แต่ไม่เป็นผลในทางปฏิบัติ เพราะฝีมือไม่ถึง บารมีไม่พอ ขาดประสบการณ์ เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ “ปลั๊กหลวม” เสียบแล้วใช้การได้ไม่เต็มที่ ติดๆดับๆ จึงไม่สามารถลดสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ลงได้







5.นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ... "พี.อาร์.25 ชั่วโมง"





เหตุผล...





ขึ้นชื่อเป็นรัฐมนตรีที่เน้นการประชาสัมพันธ์ให้ตัวเองเป็นหลัก มากกว่าผลงานในหน้าที่ มุ่งทำตัวเองให้เป็นข่าวออกหน้าจอทีวีเสมอ เก็บทุกประเด็นไม่แยกแยะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ขอให้ได้เป็นข่าวก็พอ จนเกิดปัญหาเกาเหลากับรัฐมนตรีเจ้าสังกัดโดยตรง ตกเป็นข่าวคึกโครมกับ นายประชา มาลีนนท์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กรณี “รับธงซีเกมส์ ” จึงขอมอบฉายา พี.อาร์.25ชั่วโมง





6.น.พ.สุชัย เจริญรัตนกุล... "เด็กนายหญิง"





เหตุผล...





รัฐมนตรีสายตรงจากนายหญิง ถูกส่งเข้ามาคุมกระทรวงหมอ แต่ด้วยความที่เป็นเด็กเส้น ขาดประสบการณ์การงานบริหาร แค่ช่วงเวลาสั้นๆที่เข้าไปทำงาน ได้สร้างความปั่นป่วน ด้วยการสั่งปลดโยกย้ายบิ๊กสาธารณสุขล็อตเดียว 9 คน จนเกิดแรงต้านจากกลุ่มหมอในกระทรวง ลุกลามไปสู่การประลองกำลังระหว่าง “เจ๊ใหญ่ กับ นายหญิง” ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีต้องรีบปลดชนวนระเบิด สั่งทบทวนโผโยกย้าย แต่เจ้าตัวยังฟึดฟัดขัดขืน ประกาศยื่นใบลาออก ร้อนถึงนายหญิงต้องออกแรงอุ้มไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี เพื่อรักษาศักดิ์ศรีจันทร์ส่องหล้า







7.นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ..."คลื่นแทรก"





เหตุผล....





รับบทบาทพิมาตสื่อ คอยเป็นกันชนไม่ให้เกิดผลกระทบต่อรัฐบาล ซ้ำร้ายจ้องจับผิดสื่อที่เป็นอริ สร้างความอึดอัดใจกันทั้งวงการ มีการใช้สารพัดวิชามารใต้ดินบนดิน แทรกแซงจน สื่อแทบขาดอิสระในการทำงาน โดยเฉพาะสื่อของรัฐโดนครอบงำ ให้เสนอแต่เรื่องที่เป็นคุณแก่รัฐบาลข้างเดียว บทบาทของนายสุรนันทน์จึงเป็นเหมือนคลื่นแทรกที่คอยก่อกวน และสกัดการทำงานของสื่อ







8.พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา "รมต.พลัง “น้ำ” "





เหตุผล...





อาศัยบารมี “ลูกน้ำ” ศรีภรรยา ซึ่งเป็นเพื่อนและเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยานายกรัฐมนตรี จนได้นั่งเก้าอี้เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ท่ามกลางเสียงคัดค้านของกลุ่มมุ้งการเมืองในไทยรักไทยที่พลาดตำแหน่ง ขณะที่ผลงานติดลบตลอด ถูกลูบคมด้วยประทัดยักษ์ถึงหัวบันไดกระทรวง ไม่สามารถบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชนได้ เสนอไอเดียออกมาแต่ละอย่างมีแต่เสียงโห่ไล่ เช่น การติดยูบีซีในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จนถูกส.ส.รวมหัวตะเพิดออกจากตำแหน่ง แต่ด้วยพลังภายในของ “ลูกน้ำ” ทำให้ “พี่บิ๊ก”ยังเกาะเก้าอี้แน่นต่อ





9.นายวิเศษ จูภิบาล... "โบรกเกอร์รัฐบาล"



เหตุผล....





ถูกส่งมากำกับดูแลด้านพลังงาน ท่ามกลางวิกฤตน้ำมันแพง แต่กลับทำตัวเป็นโบรกเกอร์ที่คอยต่อรองสร้างผลกำไรให้กับกลุ่มทุนซีกรัฐบาล โดยเฉพาะการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่นำ กฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์ จนถูกมองว่านำทรัพย์สินของประเทศไปขาย ขณะเดียวกันปัญหาน้ำมันแพงก็ยังแก้ไม่ตก ส่งผลให้กองทุนน้ำมันติดลบมหาศาล เนื่องจากนำเงินไปพยุงราคาน้ำมัน แบบฝืนกลไกลการตลาด สุดท้ายชาวบ้านต้องก้มหน้ารับกรรมใช้น้ำมันแพงต่อไป





10.นายวัฒนา เมืองสุข... "อิกคิวเซ็ง"





เหตุผล....





มีไอเดียแหวกแนว เหมือน “อิกคิวซัง”ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้มีปัญญา แต่ทว่าชอบคิดอะไรเพี้ยนๆ สวนกระแสสังคมบ่อยครั้ง หวังสร้างกระแสให้ตัวเอง อาทิ การจัดถนนให้วัยรุ่นซิ่งรถจักรยานยนต์ การให้ภรรยากราบเท้าสามีก่อนนอน การฉายสปอตไลท์หน้าโรงแรมม่านรูดในคืนวันลอยกระทง จนถูกประณามอย่างหนัก พฤติกรรมดังกล่าวจึงน่าจะเข้าข่าย “อิกคิวเซ็ง” ที่คิดอะไรแย่ๆ อวดฉลาด จนคนในสังคมเซ็งกับความคิดของท่านรมต.วัฒนา





ที่มา...





ผู้จัดการ สื่อให้ฉายาแสบรัฐบาล"ประชาระทม"-"ทักษิณพ่อมดมนต์เสื่อม"





ปล.



อ่านขำๆน่ะอย่าคิดมากเดียวมันจะแก่เร็ว...



แก้ไขคำสั้งผิด..





เพิ่ม...



ของนักข่าวสายสภา..






สำหรับผลการพิจารณาตั้งฉายารัฐสภา ประจำปีพ.ศ. 2548 มีดังต่อไปนี้



1.วาทะเด่นแห่งปี



“มันเอาอธิปไตยของปวงชนชาวไทยไปล็อคเอาไว้เหมือนทาส”





เป็นวาทะของนายเสนาะ เทียนทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย เมื่อค่ำวันที่ 8 มิถุนายน ระหว่างการประชุมรัฐสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ กรณีการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งตลอดการอภิปรายของนายเสนาะ ได้สะกดให้ส.ส.และนักข่าวต่างเงียบฟัง และรับรู้ตรงกันว่าเป็นการเปิดใจของนายเสนาะ ที่สะท้อนถึงความอึดอัดใจของส.ส.ในพรรคไทยรักไทยอีกหลายคน เพราะถูกกักขังด้วยรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 107 (4) ที่ส.ส.ต้องสังกัดพรรคเป็นเวลา 90 วัน ทำให้ที่ไม่สามารถย้ายต้นสังกัดพรรคการเมืองได้ อีกทั้งยังจำกัดอิสระและเอกสิทธิของความเป็นส.ส.จึงถูกแทนที่ด้วยความเป็น “ทาส” เหมือนที่นายเสนาะ ได้สะท้อนออกมา



2. ฉายาสภาผู้แทนราษฎร “ปลอกคอพันธุ์ชิน”





นับเป็นภาพสะท้อนการทำงานของสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันได้ดีที่สุด นับจากที่พรรคไทยรักไทยได้เสียงข้างมากถึง 377 เสียง ทำให้การทำหน้าที่ในสภาเสมือนถูกชักจูงจากเจ้าของพรรค ปราศจากจุดยืน และความเห็นของตัวเอง ผิดวิสัยของการเป็นผู้แทน บ่อยครั้งการยกมือโหวตกฎหมายต่างๆในสภา หรือแม้แต่การอภิปราย ก็ไม่สามารถแสดงความเห็นที่แตกต่างไปจากมติพรรคที่สังกัดได้ เสมือนการมีปลอกคอที่แสดงความเป็นเจ้าของโดยพรรคไทยรักไทย ภายใต้การนำของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรค กอร์ปกับการที่ส.ส.ถูกมัดไว้จากการถูกล็อคในรัฐธรรมนูญมาตรา 107 (4) ที่ส.ส.ต้องสังกัดพรรคภายใน 90 วัน เหมือนเป็นการจำกัดการทำหน้าที่ส.ส. ไม่สามารถแสดงความเห็นที่แตกต่าง



3. ฉายาวุฒิสภา “สภาทาส”





ใครบอกว่าเวลานี้ประชาชนคนไทยไม่มีทาสอีกแล้ว แต่คนบางกลุ่มที่เป็นผู้ทรงเกียรติยังเลือกหนทางที่จะอยู่ในวังวนและยอมตก เป็นทาส เห็นได้จากวุฒิสภาชุดปัจจุบันซึ่งถือเป็นชุดแรก ที่เกิดจากผลพวงของการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ถูกสังคมคาดหวังเรื่องการทำงาน การถ่วงดุล ตรวจสอบฝ่ายบริหาร กลั่นกรองกฎหมาย และแต่งตั้งบุคคลเข้ามาทำหน้าที่ในองค์กรอิสระ โดยความเป็นตัวของตัวเอง เพราะที่มาของวุฒิสภาคือไม่สังกัดพรรคการเมือง แต่จากการทำหน้าที่ของวุฒิสภาชุดปัจจุบัน แสดงให้ประชาชนเห็นว่าการทำงานไม่ได้มีอิสระ บ่อยครั้งมีข่าวว่าการลงมติของวุฒิสภาเป็นไปตามโผและโพย อุปมาเหมือนทาส ที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายเงิน ซึ่งในยุคปัจจุบันมีการกล่าวกันหนาหูว่านายเงินของวุฒิสภา ก็คือฝ่ายการเมืองนั่นเอง



4.ฉายาประธานสภา “นิติกู”





ตั้งแต่ก่อนก้าวย่างสู่ถนนการเมือง นายโภคิน พลกุล มีภาพของความเป็นนักกฎหมาย เป็นอาจารย์ และนักวิชาการที่มีความเชียวชาญ ด้วยดีกรีดอกเตอร์จากฝรั่งเศส แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อนายโภคิน เข้าสู่ถนนการเมือง โดยเฉพาะในตำแหน่งประธานรัฐสภา เป็นที่ประจักษ์ว่า ประธานสภา ที่ต้องวางตัวเป็นกลาง กลับไม่เป็นเช่นนั้น บ่อยครั้งที่มักใช้ความได้เปรียบในฐานะผู้รู้ทางกฎหมายตีความปกป้องคนใน รัฐบาล โดยยึดความเห็นส่วนตัวเป็นหลัก และคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำถูกต้องแล้ว จึงที่มาแห่งฉายา ที่นายโภคิน ได้รับในปีนี้



5.ฉายาประธานวุฒิสภา “สุ(ด) ทน”





วลีนี้เป็นคำที่แวดวงในสภาสูง รวมถึงประชาชนทั่วไปใช้ เมื่อกล่าวถึงบทบาทและการทำงานของนายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา ในรอบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีปัญหาการสรรหาผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ที่นายสุชน นำชื่อนายวิสุทธิ มนตริวัต ขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินคนใหม่ แต่ไม่มีการโปรดเกล้ากระทั่งนายวิสุทธิ์เองยังขอถอนรายชื่อ แต่นายสุชนกลับไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ทำให้ได้รับแรงเสียดทานอย่างหนัก ถึงขั้นเคยมีวุฒิสภาไล่ให้ลาออกกลางห้องประชุมบ่อยครั้ง แต่นายสุชนก็ทนสุดๆจนฝ่ากระแสต่างๆมาได้ แม้กระทั่งบางคนก็ยังสุดทนกับนายสุชน เช่นกัน



6.ฉายาผู้นำฝ่ายค้าน “ขุนศึกไร้ดาบ”





แต่ไหนแต่ไร ในการรบและทำศึกสงคราม “อัศวิน” ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำในการรบ เปรียบเหมือนฝ่ายค้านที่ย่อมต้องมีผู้นำในการตรวจสอบรัฐบาล แต่ด้วยพรรษาทางการเมืองและภาวะผู้นำ ทำให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นได้เพียง “ขุนศึก” ยังไม่ถึงชั้นอัศวิน และเมื่อฝ่ายค้านต้องมาประสบกับภาวะเสียงในสภา ที่มีเพียง 123 เสียงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งซ่อม ถือเป็นอุปสรรคในการตรวจสอบและถอดถอนรัฐมนตรี ทำให้ตกอยู่ในสภาวะ “ไร้ดาบ” ขุนศึกไร้ดาบจึงเป็นฉายาของนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในปัจจุบัน



7.ดาวเด่น-ดาวดับ ดาวเด่น “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์”





ดาวเด่น ในสภา ตำแหน่งนี้ผู้สื่อข่าวสภามอบให้แก่นักการเมืองที่มีความโดดเด่นในการทำตัว ที่เป็นข่าว หรือมีพฤติกรรมสร้างความสนใจให้กับสังคม ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมา หากจะถามประชาชนทั่วไป คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทย ที่มักสร้างสีสันในสภา ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ที่แตกต่าง กระทั่งมีการวิจารณ์ว่าส.ส.หลายสมัยบางคน ยังสร้างข่าวและกระแสได้ไม่เก่งเท่านายชูวิทย์ ที่เป็นส.ส.สมัยแรก เสียด้วยซ้ำ และด้วยความเป็นส.ส.สมัยแรก บทบาทในสภาของอดีตเจ้าพ่ออ่างจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป



ดาวดับในสภา



นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายสิทธิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก พรรคไทยรักไทย





ดาวดับในสภาตำแหน่งนี้ผู้สื่อข่าวสภามอบให้กับนักการเมืองที่ถูกมองว่ามี จังหวะก้าวทางการเมืองที่ผิดพลาด ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม ซึ่งในปีนี้ได้แก่



“สามเกลอ” หรือ 3 ส.ส.พรรคไทยรักไทย คือ นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายสิทธิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก





ที่ออกมาเคลื่อนไหวตอบโต้กรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ขัดแย้งกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย กระทั่ง 3 ส.ส.ถูกมองป้องนาย หวังบำเหน็จ และกลายเป็นดาวดับในที่สุด



8.คู่กัดแห่งปี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กับพรรคไทยรักไทย





นับตั้งแต่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทย ก้าวเข้าสู่เวทีสภา บุคลิกโผงผางและพร้อมเดินหน้าชน กลายเป็นแรงขับให้นายชูวิทย์ ต้องพุ่งรบกับส.ส.หลายคนของพรรคไทยรักไทย เช่น นายชูวิทย์ กับนายวิเชษฐ เกษมทองศรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย ในข้อหาดื่มเหล้าเข้าสภา หรือกรณีการเกิดปากเสียงระหว่างการอภิปรายกับน.พ.วิชัย ชัยจิตวณิชกุล ส.ส.อุดรธานี พรรคไทยรักไทย หรือกรณีอื่นๆอีกมากมาย และล่าสุดส่งท้ายปลายปี ที่ตลอดทั้งเดือนธันวาคม ของการเปิดศึกกับส.ส.หญิง พรรคไทยรักไทย ที่เริ่มต้นด้วยน.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม ส.ส.กทม. จนถึงนางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น ซึ่งหลายคนมองว่า แรงส่งของนายชูวิทย์ อาจเป็นเพราะนายชูวิทย์ มาจากความมั่นใจที่ไม่ต้องพะวงถึงต้นทุนทางสังคมเฉกเช่นส.ส.คนอื่นๆ



9.เหตุการณ์เด่นแห่งปี “ปัญหาการแต่งตั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน”





นับเป็นมหากาพย์ ลากยาวที่สุดในการเลือกบุคคลเข้าทำหน้าที่ในองค์กรอิสระ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากระบวนการสรรหาคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เป็นผู้ว่าการสตง.โดยมิชอบ จนต้องมีการสรรหาใหม่ ทั้งที่ยังไม่เกิดข้อยุติในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ วุฒิสภาได้ลงมติเลือกนายวิสุทธิ มนตริวัต เป็นผู้ว่าการสตง.คนใหม่ หลังจากที่มีการทูลเกล้าไปแล้วเป็นเวลา 104 วัน ทำให้นายวิสุทธิ ตัดสินใจถอนตัวจากตำแหน่ง ท่ามกลางปมปัญหาที่ยังเถียงกันไม่ตกระหว่างการสรรหาใหม่กับการให้คุณหญิง จารุวรรณกลับเข้าสู่ตำแหน่งอีกครั้ง เนื่องจากมีกระบวนการแทรกแซงของฝ่ายการเมือง หวังตัดตอนการตรวจสอบการทุจริต



10. คนดีศรีสภา “พ.อ.สมคิด ศรีสังคม” ส.ว.อุดรธานี





แม้วัย 89 ปี แต่พ.อ.สมคิด ศรีสังคม ยังปฏิบัติหน้าที่ส.ว.อุดรธานี อย่างเข้มแข็งเช่นการมาประชุมวุฒิสภาอย่างต่อเนื่อง กล้าแสดงความเห็นที่เป็นตัวของตัวเอง ทั้งยังร่วมตรวจสอบฝ่ายบริหารผ่านเวทีกรรมาธิการคณะต่างๆ แม้บางครั้งจะต้องเดินทางออกต่างจังหวัด โดยเฉพาะกรณีการเดินขึ้นตึกสนามบินสุวรรณภูมิ ถึง 6 ชั้น แต่เจ้าตัวก็ไม่ลดละ นอกจากนี้การเป็น 1ใน 4 ของวุฒิสมาชิกที่ยื่นหนังสือไปยังราชเลขาธิการ เพื่อหาข้อยุติปมปัญหาผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ด้วยจุดยืนที่ชัดเจนโดยไม่คำนึงถึงกระแส ตำแหน่งคนดีศรีสภา เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ทำงานในสภาและหวังเป็นแบบอย่างให้กับสมาชิกรัฐสภา คนอื่นๆ



ที่มา



ผู้จัดการสื่อเปรียบสภาผู้แทนฯเป็น“ปลอกคอพันธุ์ชิน”-วุฒิฯคือ“สภาทาส”
Miscellaneous

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา