Lunae’s Horror Tale : Gundam SEEDฉบับJu-On(end)

เอามาต่อแล้วค่ะ แต่งเติมเพิ่มนิดหน่อยเอง แหะ แหะ

ตอนแรกอ่านที่นี่



[font size=3 color=purple]Kira[/font]

ผมกำลังฝัน…

ทำไมผมจึงรู้ว่าฝันอยู่นะหรือ?

เพราะเหตุการณ์ตรงหน้านี้เคยเกิดขึ้นแล้วนะสิ!

มันเป็นช่วงเวลาอันแสนสุขของผมกับอัสรัน ตอนนั้นเราสองคนยังเด็กมาก อัสรันเล่นหุ่นยนต์วิทยุบังคับกับผม เขาเก่งมากแต่ครั้งนั้นผมชนะเพราะใช้วิชามารเล็กน้อย ไม่ว่าเรื่องใดผมก็แพ้เขามาตลอด มีเพียงการเขียนโปรแกรมเท่านั้นที่ผมทำได้เร็วกว่า ถึงเราสองคนจะเป็นโคออดิเนเตอร์ แต่ยีนของพวกเราก็แตกต่างกัน ความสามารถเฉพาะทางย่อมไม่เหมือนกันไปด้วย



แต่ไม่นานมานี้เขากลับต่อสู้กับผมอย่างเอาเป็นเอาตาย เราสองคนต่อสู้กันราวกับเอาชีวิตเข้าแลกเพราะต่างสูญเสียเพื่อนไปในเวลาใกล้เคียงกัน แต่ผมรอดมาได้เพราะอัสรันไม่ยอมแลกชีวิตตนเองในนาทีสุดท้าย หากเขาคิดตายไปพร้อมกับผมจริงๆ ป่านนี้เราสองคนคงได้อยู่ร่วมกันในนรกกระมัง ผมไม่รู้หรอกว่าเหล่าทหารที่ตายไปในสงครามจะได้ไปสวรรค์หรือนรกกันแน่ และโคออดิเนเตอร์ซึ่งเกิดขึ้นจากวิทยาศาสตร์อย่างพวกผมจะได้รับการพิพากษาจากพระผู้เป็นเจ้าหรือเปล่า แต่ผมไม่คิดว่าบาปที่ได้ทำไปมากมายทั้งที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์และจำต้องกระทำจะได้รับการอภัยง่ายๆ ผมจึงพยายามไถ่บาปตามที่ลาคัสชี้ทางให้ และด้วยความพยายามนี้ผมก็ได้เพื่อนรักกลับคืนมา ความยินดีในมิตรภาพที่ไม่แตกหักไปเพราะสงครามนั้นมากมาย จนผมเกือบจะลืมผู้หญิงที่สำคัญต่อผมอย่างมากอีกคนหนึ่ง…



[font color=orange]เฟลย์[/font]…ทำไมผมจึงไม่เคยฝันถึงเธอเลยนะ?

การที่ผมมองเห็นหน้าเธอแทบทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นหมายความว่าอย่างไร?

หรือว่าผมฝันถึงเธอโดยไม่รู้ตัว แต่ความฝันเกี่ยวกับอัสรันนั้นกลับแจ่มชัดในความทรงจำ ผมไม่เคยลืมเรื่องต่างๆของเขาในอดีตเลย ความผูกพันของเราสองคนคงอยู่ได้ด้วย "โทริ" ล่ะกระมัง ตั้งแต่ได้รับนกตัวนี้มาผมไม่เคยให้มันอยู่ห่างตัวเลยสักครั้ง ทุกคราที่มองดูมันก็นึกถึงผู้สร้างมันตามความปรารถนาของผมตลอดเวลา



ผมเผยอยิ้มเล็กน้อยในความฝัน และยังคงฝันถึงเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับอัสรันต่อไป…



[font size=3 color=red]Fllay[/font]

คิระกำลังยิ้ม…

ฉันจับจ้องดวงหน้าของชายที่รักด้วยความโหยหา แม้กายมิอาจสัมผัสก็ยังมีดวงตาไว้รับภาพเขา คิระคงกำลังฝันอยู่ และต้องเป็นฝันที่ดีมากแน่นอน เพราะรอยยิ้มของเขาช่างสดใสเหลือเกิน…



เขากำลังฝันถึงฉันอยู่หรือเปล่านะ?



ริมฝีปากบางนั้นเผยอแย้มเล็กน้อยราวจะเชิญชวนให้ฉันจุมพิตลงไป แม้ไม่มีร่างกายที่สามารถสร้างความสุขแก่เขาอีก แต่ฉันก็ยังก้มลงไป…ก้มลงไปจนปากของวิญญาณฉันสัมผัสกับริมฝีปากบางเฉียบของเขา



นาทีนั้นร่างของคิระสะดุ้งขึ้นนิดหนึ่ง บางทีร่างกายเขาคงรับรู้ถึงสัมผัสของฉันกระมัง ด้วยความยินดีที่คาดเดาเอาเองเช่นนี้ ฉันทาบทับร่างอันเปลือยเปล่าของตนลงบนคิระ และคำนึงถึงช่วงเวลาอันแสนหวานของเราสองคน



นัยน์ตาของฉันเคลิบเคลิ้มไปกับความทรงจำในห้วงเวลานั้น ปากของฉันคลอเคลียอยู่แถวหูของคิระ แล้วฉันก็ได้ยินเสียงพึมพำเบาแสนเบาจนแทบจับใจความไม่ได้ คิระพูดซ้ำไปซ้ำมาว่าอะไรนะ? ฉันตั้งใจฟังอีกหลายครั้งก็ยังไม่แน่ใจ เหมือนเป็นชื่อคนที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน…



[font color=blue]อัสรัน[/font]…ชื่อของใครกันนะ?



ความอยากรู้อยากเห็นอย่างรุนแรงแล่นเข้าสู่จิตใจฉัน มันมากมายเสียจนกระทั่งฉันแทรกร่างเข้าไปในสมองของเขา เข้าสู่ความฝันของชายที่ฉันรัก คิระกำลังฝันถึงเรื่องอะไรอยู่กันนะ? ฉันจะได้รู้ในเวลานี้แล้ว!



[font size=3 color=purple]Kira[/font]

ผมได้ยินเสียงเฟลย์…

เสียงนั้นเบาแสนเบาราวล่องลอยมาจากที่ไกลแสนไกล แต่ก็มีแรงดึงดูดมากพอให้ผมมองหา และเมื่อหันกลับมายังความฝันตรงหน้า ภาพเหตุการณ์ก็เปลี่ยนเป็นวันที่ผมตราตรึงใจมากที่สุดในชีวิต



ความทรงจำของผมเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาที่เราสองคนต้องจากกัน วันนั้นอัสรันมอบ "โทริ" ที่ผมเคยเปรยไว้ว่าอยากทำได้แต่ไม่มีปัญญา ขนาดอัสรันที่เก่งเรื่องประดิษฐ์รูปแบบชีวิตเทียมยังพูดว่า "เป็นไปไม่ได้" แต่สองสัปดาห์หลังจากนั้น วันที่อัสรันต้องกลับแพลนท์ เขาก็มอบนกหุ่นยนต์สีเขียวให้ผมพร้อมเอ่ยปากชวนให้ไปอยู่ที่นั่นด้วยกัน แต่พ่อแม่ของผมเป็นคนธรรมดาจึงย้ายไปอยู่ที่โคโลนีเฮลิโอโพลิสของรัฐอิสระออร์ปแทน นับแต่นั้นมา "โทริ" ก็กลายเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในชีวิตผม



"คิระ"

ผมได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย เสียงผู้หญิงที่ผมผูกพันมากที่สุด ผมละสายตาจากความทรงจำตรงหน้าไปมองหาอีกครั้ง และคราวนี้ผมก็พบเฟลย์ยืนอยู่ข้างหลัง…



ดวงหน้าของเธอดูสดใสสว่างเหมือนครั้งแรกที่ผมพบเธอในร่างวิญญาณ ณ วินาทีที่ร่างของเธอแหลกสลายไปเพราะครูเซ่ เพียงแต่ในความฝันนี้ ผมสามารถแตะต้องเธอได้เหมือนเมื่อครั้งเราสองคนยังอยู่ในโลกเดียวกัน ความอบอุ่นของเฟลย์…อ้อมแขนของเฟลย์…สิ่งเหล่านี้ที่ผมคิดถึงมาแสนนาน บัดนี้ผมได้คืนมาอีกครั้ง แม้เพียงความฝันก็ยังดี นานเพียงใดแล้วนะที่ผมไม่ได้ฝันถึงเธอเลย เว้นแต่ยามตื่นในห้วงคิดเพียงลำพัง…



"คิระ…อยากมาอยู่กับฉันไหม?"

ผู้หญิงที่ผมกอดอยู่ในห้วงฝันนี้กำลังชวนผมไปอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ?



ไปอยู่ที่ใดกันล่ะ?

วิญญาณเฟลย์ได้รับปากว่าจะปกป้องดวงใจของผมด้วยความรู้สึกของเธอ ถ้าเช่นนั้นเธอควรจะอยู่ข้างกายผมตลอดเวลาไม่ใช่หรือ…แม้ผมจะไม่เคยเห็นเธออีกนับจากในอวกาศครั้งนั้น ตราบจนครั้งล่าสุดที่ผมคิดว่าเป็นภาพหลอนในกระจก ผมก็ไม่เคยสัมผัสได้ถึงตัวตนของเธอข้างกายผมเลย เฟลย์ซึ่งพร่ำสัญญามาตั้งแต่ครั้งที่เรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันว่าจะปกป้องดูแลความรู้สึกของผม



"ดวงตาของเธอช่างหม่นหมองอะไรเพียงนี้!"

ผมอุทานในใจเมื่อสบตาของเฟลย์ ร่างวิญญาณที่สามารถเปล่งประกายได้ราวดาวฤกษ์ค่อยๆอ่อนแสงลง ผิวกายอันอบอุ่นในวงแขนของผมก็ค่อยๆเย็นชืด แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังกอดเธอไว้ เมื่อเฟลย์เคยมอบความอบอุ่นจากร่างเธอแก่ผม ทำไมผมจะมอบความอบอุ่นกลับไปบ้างไม่ได้…



[font size=3 color=red]Fllay[/font]

"คิระ…อยากมาอยู่กับฉันไหม?"

ฉันเอ่ยปากออกไปในความฝันของเขา ความฝันของคิระที่คิดคำนึงถึงอีกคนหนึ่งอยู่!



ฉันรู้ในตอนนี้เองว่า [font color=green]"โทริ"[/font] มีที่มาอย่างไร เจ้านกหุ่นยนต์สีเขียวที่คิระรักนักรักหนาตัวนั้น หลายครั้งมันก็ช่วยปลอบใจฉัน และหลายครั้งที่ฉันต้องคอยดูแลมันแทนคิระเวลาเขาออกไปสู้รบ ทั้งๆที่คิระกำลังสวมกอดฉันอยู่เช่นนี้ ความฝันของเขาก็ยังคงดำเนินต่อไป ภาพเหตุการณ์ที่นกตัวนั้นย้ายมาอยู่ในมือคิระเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับการกดรีเพลย์ไม่มีสิ้นสุด



"ความสำคัญของฉันมีมากแค่ไหนกันแน่?!"

ความโกรธอย่างรุนแรงผุดพลุ่งขึ้นท่วมจิตใจพร้อมคำถามประโยคนี้ แน่นอนว่าฉันไม่ได้เอ่ยมันออกไปหรอก ฉันไม่อยากกลายเป็นนางมารร้ายในสายตาผู้ชายที่ฉันรัก แม้จะเคียดแค้นคนมอบนกตัวนั้นให้คิระเพียงใด ฉันก็ยังเผยอยิ้มให้พร้อมคำถามเดิม



"คิระ…อยากมาอยู่กับฉันไหม?"



คิระเงียบงันไป หากเขาตอบรับความต้องการของฉันก็เท่ากับว่าฉันได้ครอบครองหัวใจของเขาไว้แล้ว แต่ถ้าเขาปฏิเสธล่ะ…ฉันจะทำอย่างไรดี?



ความคิดคำนึงของเขาที่ไม่เหมือนของฉันนั้นจะแยกเราสองคนออกจากกันอีกครั้งหรือเปล่านะ?



ความรักของฉันนั้นไม่มากพอที่จะได้อยู่เคียงข้างคิระตลอดไปในโลกอันสวยงามนี้อย่างนั้นหรือ?



ฉันรู้สึกได้ถึงความมืดที่หลบหนีมากำลังกวักมือเรียกให้กลับไป ถ้าฉันไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของคิระแบบนี้ ฉันคงต้องถูกกักขังอยู่ในโลกอันมืดมิดนั้นอีกครั้งแน่ โลกที่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีพื้นดินหรือแสงสว่าง มีเพียงตัวฉันที่ล่องลอยไปมาในความมืดที่ไม่อาจมองเห็นแม้แต่มือของตนเอง เงียบสงัดจนไม่อาจได้ยินแม้แต่เสียงของตนเอง ฉันหวาดกลัวโลกใบนั้น ฉันไม่อยากกลับไปอยู่ที่นั่น!



"ขอโทษนะ เฟลย์ ตอนนี้ฉันไปอยู่กับเธอไม่ได้ ยังมีคนอีกมากมายที่ฉันอยากใช้ชีวิตร่วมกับพวกเขา"



คำตอบของคิระดั่งสายฟ้าฟาดผ่าลงกลางใจ กรงเล็บแห่งความมืดกำลังเข้ามาใกล้เพื่อคว้าตัวฉันกลับไปแล้ว ฉันไม่ยอมกลับไปที่นั่นโดยไม่มีคิระหรอก ฉันไม่มีวันยอมแยกจากคิระชั่วนิจนิรันดร์หรอก ฉันต้องได้อยู่กับคิระ ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรเลวร้ายขนาดไหนก็ต้องได้อยู่ด้วยกัน!



ถ้าคิระอยากอยู่ในโลกแห่งแสงสว่างที่ฉันไม่อาจอยู่ด้วยได้นี้เพราะคนพวกนั้น ฉันก็จะลากพวกมันสู่ความมืดมิดที่ฉันจากมา เมื่อคิระไม่เหลือใครในโลกนี้อีก เขาก็ต้องมาอยู่กับฉัน แล้วเราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง!



[font size=5 color=red]END[/font]
Fiction

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา