Lunae’s Horror Tale : Gundam SEEDฉบับJu-On(ครึ่งแรก)

หมายเหตุ

แฟนฟิคชิ้นนี้คืองานที่ส่งให้Anges FllayรวมในSEED ANTHOLOGYค่ะ คิดว่าตอนนี้คนที่สั่งคงได้รับทางไปรษณีย์ครบทุกคนแล้วก็เลยเอามาลงค่ะ



=================================================




[font size=4 color=red]Lunae’s Horror Tale : Gundam SEEDฉบับJu-On[/font]




กล่าวกันว่าทุกสรรพชีวิตมีจิตวิญญาณ วิญญาณซึ่งห่อหุ้มด้วยร่างกายนั้น เมื่อกายเนื้อสลายไป ก็จะกลับสู่ศูนย์รวมแหล่งวิญญาณในโลกมนุษย์ ซึ่งถูกเรียกขานกันในหลายๆนาม ดังเช่น ‘Great Spirit’ หรือ ‘Astral Line’ แต่ถ้าดวงวิญญาณนั้นสูญเสียร่างกายนอกดาวเคราะห์สีฟ้าที่เรียกว่า "โลก" นี้ล่ะ วิญญาณเหล่านั้นจะกลับไปที่ใดกัน…



[font size=3 color=red]Fllay[/font]

เหงาเหลือเกิน…

หนาวเหลือเกิน…

ทำไมฉันถึงต้องมาอยู่คนเดียวในความมืดเช่นนี้นะ? ความตายช่างน่ากลัวเช่นนี้นี่เอง ขณะที่แสงสว่างบาดตามาพรากชีวิตฉันไปนั้น ความคิดคำนึงสุดท้ายถึงคนที่ฉันรักมากที่สุดได้พาวิญญาณของฉันไปพบกับเขา…



คิระ...ผู้ชายที่ฉันไม่เคยสนใจใยดี คนที่ฉันตัดสินใจผูกมัดเขาไว้เพื่อเป็นเครื่องมือแห่งการแก้แค้น ทำไมตอนนั้นฉันไม่นึกถึงไซเลยนะ คู่หมั้นที่ฉันรู้จักมาตั้งแต่เด็ก และเป็นคนที่ฉันรู้ว่าเขารักฉันมากที่สุด แต่คิระก็รักฉันมากเหมือนกัน ฉันคิดอย่างนั้นเพราะแม้ฉันจะออกฤทธิ์เดชมากมายเพียงใด เขาก็ยังคงเอื้ออาทรและเอาใจใส่ความรู้สึกของฉันตลอดเวลา



ในวาระสุดท้ายของชีวิตที่จิตวิญญาณของฉันได้สัมผัสกับคิระอีกครั้ง ฉันสัญญาว่าจะปกป้องเขาด้วยดวงใจของฉันตลอดไป เหมือนที่เคยออกปากไปเมื่อครั้งต้องการร่างกายเขาเพื่อใช้แก้แค้นพวกเผ่าพันธุ์ที่ฆ่าคุณพ่ออันเป็นที่รักยิ่งของฉัน หากแต่ครั้งนี้ฉันได้กล่าวด้วยหัวใจที่แท้จริง เป็นความต้องการอันบริสุทธิ์มิมีสิ่งใดเคลือบแคลง



ฉันคิดว่าจะได้อยู่ข้างกายเขาตลอดไป แต่ความจริงกลับกลายเป็นว่าฉันต้องติดอยู่ในความมืดมิดนี้คนเดียว ในขณะที่เพื่อนๆของฉันกลับได้อยู่ในโลกแห่งแสงสว่าง



ทำไมฉันถึงรู้น่ะหรือ?

เพราะฉันรู้น่ะสิ!

แม้จะอยู่ในความมืดมิดดั่งหุบเหวไร้ก้นบึ้ง แต่ฉันก็รับรู้ได้ดีว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่จากการเสียสละของฉัน หากฉันไม่ยอมเป็นเครื่องมือของครูเซ่ผู้เข้าใจฉันอย่างแท้จริงแล้วสงครามจะสงบอย่างง่ายดายแบบนี้หรือ!



ฉันอยากอยู่กับคิระจริงๆ…อยากอยู่เคียงข้างคิระในโลกแห่งแสงสว่าง และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกัน คิระจะคิดอย่างนี้บ้างหรือเปล่านะ? ขณะนี้เขากำลังมองอวกาศที่วิญญาณฉันหลับไหลอยู่หรือเปล่านะ? ถ้าเขาคิดถึงฉันสักนิดล่ะก็…ฉันก็คงไปหาเขาได้ด้วยความคิดคำนึงเดียวกันเช่นครั้งนั้นแน่นอน



[font size=3 color=purple]Kira[/font]

เฟลย์…

จนบัดนี้ผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่าจะไม่สามารถปกป้องเธอไว้ได้ ชีวิตของเธอช่างน่าสงสารยิ่งนัก ต้องสูญเสียคนสำคัญไปเพราะสงคราม ผมเองก็ตระหนักถึงความเศร้าแห่งการสูญเสียดีเพราะทอล…เพื่อนรักคนหนึ่งของผมก็ต้องดับสิ้นไปเพราะต้องการช่วยเหลือผมเช่นกัน อีกทั้งผู้ลงมือปลิดชีพเขาก็ยังเป็นเพื่อนที่ผมรักที่สุดอีกด้วย ทำให้ผมไม่อาจแค้นเขาได้ แม้ขณะนั้นผมจะโกรธมากก็ตาม เพราะผมเข้าใจถึงผลลัพธ์หากสงครามยังไม่จบดี คนสำคัญของเราต้องล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ แม้แต่บ้านเกิดเมืองนอนก็ต้องหลีกลี้ ไม่มีสถานที่อันสงบสุขอยู่ ณ ที่แห่งใดได้อีก ตราบที่ยังมีสงครามระหว่างสองกลุ่มซึ่งต่างกันเพียงแค่ฝ่ายหนึ่งเกิดตามธรรมชาติ แต่อีกฝ่ายเกิดจากวิทยาศาสตร์ซึ่งก็เป็นพวกที่เกิดตามธรรมชาตินั่นแหละสร้างพวกเขาขึ้นมา เมื่อผมได้รู้ความจริงเรื่องชาติกำเนิดของตนเองแล้ว ผมไม่คิดแค้นพ่อแม่ที่เลี้ยงดูผมด้วยความรักดั่งลูกในไส้อีกต่อไป และไม่โกรธเคืองเลยที่ท่านทั้งสองได้พรากผมจากพี่สาวซึ่งครูเซ่เรียกว่าการทดลองที่ผิดพลาด…



คาการิ…

พี่สาวร่วมอุทรที่ผมไม่เคยคิดในทางชู้สาวสักครั้ง ความรู้สึกที่มีต่อกันนั้นควรจะเรียกว่าความผูกพันกันมากกว่า แม้จะได้สัมผัสร่างอย่างแนบแน่นหลายคราก็เป็นเพียงการแบ่งปันความอบอุ่นและปลอบประโลมจิตใจซึ่งกันและกันเท่านั้น ความรู้สึกนี้ช่างต่างกับเวลาผมได้โอบอุ้มเฟลย์ไว้ในวงแขนเหลือเกิน ความร้อนจากร่างของเฟลย์แล่นผ่านปลายนิ้วสู่จิตใจของผม และผมก็ได้ความอบอุ่นนั้นประคับประคองจิตใจอันหมองเศร้าเวลาต้องออกไปต่อสู้เพื่อเธอ ต้องปลิดชีพฝ่ายศัตรูซึ่งต่างก็มีคนที่รักรอคอยอยู่ที่บ้านเช่นเดียวกัน



คนเหล่านั้นจะเคียดแค้นผมผู้สังหารคนรักของพวกเขาไหมนะ?

ผมถามเช่นนี้กับตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยกล้าตอบสักที จะมีใครที่เข้าใจความรู้สึกอันปวดร้าวนี้เฉกเช่นเฟลย์กัน และเธอจะรู้ไหมว่าผมเศร้าเสียใจเพียงใดที่ไม่สามารถปกป้องคนสำคัญคนนี้ได้!



[font size=3 color=red]Fllay[/font]

คิระกำลังคิดถึงฉันอยู่งั้นหรือ?

ในความมืดมิดที่มองไม่เห็นอะไรเลยนี้ ความมืดที่ยิ่งกว่าฉันกำลังหลับตาอยู่ ความเศร้าของคิระแล่นเข้าสู่จิตสำนึกของฉัน



แม้หูหนวก ตาบอด จนไม่รู้ว่าเสียงที่ฉันเค้นออกจากลำคอนั้นโหยหวนปานใด แต่ฉันก็โหยไห้ไปกับความเศร้าของคิระ ฉันดีใจที่เขาคิดถึงฉันเช่นกันกับที่ฉันโหยหาเขา แต่เขาไม่ได้อยากให้ฉันอยู่เคียงข้างเหมือนดั่งความปรารถนาของฉัน เช่นนี้จึงไม่สามารถไปพบเขาได้



ขอแค่เขานึกถึงฉันขณะอยู่เคียงข้าง ขอแค่ชั่วเวลาวิบตาที่คิดคำนึงเช่นนี้ ฉันก็สามารถไปพบเขาได้แล้ว!



[font size=3 color=purple]Kira[/font]

ลิปสติกของเฟลย์…ผมเผลอหยิบติดออกมาจากยานอาร์ชแองเจิลโดยไม่ตั้งใจงั้นหรือ?

สีของมันแดงเป็นประกายราวหยดน้ำต้องแสงอาทิตย์เหมือนเมื่อครั้งที่แต่งแต้มบนริมฝีปากเธอ ครั้งแรกที่ผมได้รับรสสัมผัสอันเร่าร้อนจากลิ้นของเฟลย์ สีแดงสดของลิปสติกก็แปดเปื้อนริมฝีปากของผมไปด้วย แต่เมื่อสีแดงนี้อยู่บนปากของผมกลับดูเข้มข้นราวหยดเลือดเสียจริง ผมจึงไม่กล้าจูบกับเธออีกเพราะผลลัพธ์ของมันทำให้ผมรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นปีศาจสงครามที่กระหายเลือดของฝ่ายตรงข้ามยิ่งนัก จะเป็นอย่างไรหากผมได้สังหารเพื่อนที่ผมรักที่สุดไปเพียงเพราะเราต่างมีอุดมการณ์ไม่เหมือนกัน…



ความคิดของผมสะดุดหยุดลงเมื่อเดินมายืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำโดยไม่รู้ตัว อะไรบางอย่างในลิปสติกของผู้ล่วงลับดึงดูดให้ผมเปิดฝาออก หมุนไส้ขึ้นมา แล้วค่อยๆบรรจงทาลงบนริมฝีปากของผมเหมือนดั่งที่เจ้าของมันเคยทำเสมอมา ทั้งที่ผมเกลียดสีแดงแบบนี้แต่เฟลย์ก็ชอบทามันเสมอ ผมคิดว่าเธอไม่รู้หรอกว่าผมชอบหรือไม่ชอบอะไร เธอไม่เคยใส่ใจรายละเอียดต่างๆในตัวผมเลยถึงเธอจะดูแลผมเป็นอย่างดีก็ตาม หากเทียบกับความห่วงใยและใส่ใจที่ผมมอบให้เธอแล้วมันช่างเทียบกันไม่ได้เลย



แต่ถึงกระนั้น…ทำไมผมถึงยังเก็บเธอไว้ในใจเสมอมานะ?

เป็นครั้งแรกที่ผมครุ่นคิดถึงเธอผู้ล่วงลับในอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า เมื่อสีแดงทาบทับบนริมฝีปากผมเสร็จสมบูรณ์ ผมมองเห็นเฟลย์ที่ดูมืดมนยืนยิ้มอยู่ข้างหลังผม…



[font size=3 color=red]Fllay[/font]

คิระ…เขายังเก็บของใช้ส่วนตัวของฉันไว้อยู่!



ลิปสติกของฉัน…

สีแดงสดตัดกับสีผิวของฉันให้เจิดแจ่มมากขึ้น ฉันทามันเสมอเมื่อต้องเผชิญหน้าผู้คน เพราะฉันไม่เคยมีความมั่นใจในความสวยของตนเองเลย ฉันเคยส่องกระจกเมื่อตื่นนอนขึ้นมาโดยใบหน้าปราศจากการแต่งเติม มันช่างซีดเซียวและซูบตอบเสียนี่กระไร ฉันรู้ว่าตนเองไม่มีความโดดเด่นเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ



อย่างมิลิเรียอาเองก็มีความน่ารักอยู่ในตัว เธอรู้จักการจัดแต่งทรงผมให้ดูดี แม้ใบหน้าปราศจากเครื่องสำอางก็ยังดูสดใส เสื้อผ้าสวมใส่ก็เลือกได้เข้ากับบุคลิกตนเองเป็นอย่างยิ่ง แต่ฉันทำเช่นนั้นไม่ได้ ฉันชอบสีชมพูจึงสวมใส่ชุดสีนี้ แม้ใครๆจะบอกว่ามันทำให้ฉันดูอ้วนกว่าความเป็นจริงก็ตาม



ฉันชอบรวบผมด้านข้างไปเก็บด้านหลังเพราะมันดูเรียบร้อยดี และไม่ทำให้ฉันดูเป็นเด็กเรียนคร่ำครึมากเกินไป ที่สำคัญคือผมของฉันจะฟูพองเมื่อปล่อยสยาย ฉันจึงไม่กล้าปล่อยผมเหมือนอย่างยายลาคัสตัวร้ายที่ฉกชิงคนสำคัญของฉันไป นังนั่นใช้เพียงความสวยงามตามยีนที่ดัดแปลงให้แสดงออกเฉพาะความโดดเด่นของตัวมันออกมาล่อลวงคิระให้หลงใหล



ฉันรู้ว่าเขาไม่มีวันลืมฉัน แต่เขาก็ไม่มีวันลืมผู้หญิงที่สวยใสเหมือนนางฟ้าอย่างมันเช่นกัน!



ฉันอยากให้คิระคิดถึงฉันคนเดียว ฉันอยากให้เขามีฉันอยู่ในใจเพียงคนเดียว แต่ทั้งคาการิและลาคัสก็ล้วนแย่งชิงเขาไปจากฉัน ถ้าเราสองคนไม่แยกจากกัน ฉันก็คงไม่ต้องตายและต้องแยกจากเขาชั่วนิจนิรันดร์ เพราะคิระไม่มีวันปล่อยให้ฉันดับดิ้นไปต่อหน้าเหมือนเด็กคนนั้นที่โดนลูกหลงจากการต่อสู้เป็นแน่...



ฉันต้องกลับไปหาเขา กลับไปหาคิระที่ฉันรักให้ได้ แม้ต้องแลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องได้อยู่ข้างกายเขา

ขอเพียงคิระมองฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น ให้ฉันต้องทำเรื่องชั่วร้ายแค่ไหนก็ได้ทั้งนั้น!



ด้วยความคิดคำนึงถึงคิระอันรุนแรงเช่นนี้ แสงสว่างลำแรกที่ส่องเข้าสู่สายตาของฉันในความมืดมนอนธการไร้สิ้นสุดจึงเป็นภาพสะท้อนของคิระจากกระจกเงา...

คิระคงกำลังอยู่ในห้องน้ำ ฉันมองเห็นฝ้าบางๆซึ่งยังหลงเหลือตามขอบกระจกเล็กน้อย ในมือคิระมีลิปสติกแท่งนั้นอยู่ ลิปสติกสีแดงที่ฉันลืมไว้ในห้องเขา ลิปสติกที่ฉันทาทุกครั้งก่อนจะเข้าไปหาคิระ



ทำยังไงฉันจึงจะใช้ลิปสติกแท่งนั้นสื่อสารกับคิระได้นะ?

ฉันตะเกียกตะกายฝ่าความมืดเข้าไปยังภาพตรงหน้า แต่ดูเหมือนคิระจะอยู่ไกลเหลือเกิน การว่ายแหวกความมืดที่ล้อมรอบเพื่อไปพบคิระในโลกแห่งแสงสว่างช่างยากเย็นยิ่งนัก เพราะความคิดคำนึงของเขายังไม่ตรงกับฉัน เขาคิดถึงฉันในแง่ใดอยู่กันนะ?

Fiction

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา