Review : Total Recall (2012)

อ่านก่อนนิดนึง



บทความนี้ คือบทความReview หนังในมุมมองของผมแค่คนเดียว ไม่ใช่มุมมองของคนส่วนมาก ฉะนั้นไม่แปลกถ้าท่านจะรู้สึก เอ๊ะทำไมนายไม่ชอบตรงนี้ เอ๊ะทำไมนายมาด่าเรื่องนี้ เอ๊ะนายบอกเรื่องนี้ดี นายเพี้ยนรึเปล่า อยากจะบอกว่า ผมเป็นแค่คนดูหนังคนนึง มิอาจสามารถเอาใจของคนทั่วโลกมารวมในคนเดียว แล้วประมวลคะแนนให้พอใจทุกคนได้ เพราะคนเราย่อมมีรสนิยมการดูหนังไม่เหมือนกันทุกคนครับ ฉะนั้น ถ้าอ่านReview ของผมแล้ว จงอย่าตัดสินทันที ขอให้พิสูจน์หนังเรื่องนั้นด้วยตัวท่านเอง ไม่แน่ หนังที่ผมบอกห่วย อาจเป็นหนังในใจท่านก็ได้ครับผม ด้วยความเคารพครับ



และขอความกรุณาอย่าSpoil หนังนะครับผม จะSpoil ก็ขอให้ใช้การซ่อนข้อความ



การติชมต่อผลงานของSoma สามารถเขียนได้ในกระทู้อย่างเปิดเผยและตรงๆอย่างไม่ต้องกังวล เข้ามาอ่านReview เล็กๆก่อนตัวเต็ม หรือถ้าใครที่เข้ามาอ่านธรรมดาแต่อยากติชม สามารถเข้าไปติได้ที่Facebook ของกระผมนะครับ



http://www.facebook.com/profile.php?id=100000512771067





Total Recall








แนวหนัง : แอ็คชั่น ไซไฟ



ตัวอย่าง








เรื่องย่อ



ในอนาคตอันใกล้ ดั๊กลาส เคว็ด ชายหนุ่มโรงงานสร้างหุ่นยนต์ธรรมดาคนนึงเกิดความเบื่อหนายในชีวิตตนเองที่ซ้ำๆจึงได้ไปใช้บริการที่ชื่อว่า Rekall (ในหนังเขียนแบบนี้นะครับ) เพื่อถ่ายทอดความทรงจำความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับตนเอง แต่เพราะการใช้บริการทำให้ปลุกเรื่องราวในอดีตของตัวเค้าขึ้นมาและถูกตามล่า เคว็ดจึงต้องหลบหนีพร้อมกับค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตนเองก่อนนำไปสู่ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่มีชะตาโลกเป็นเดิมพัน







มุมมองของ Soma



สิ่งที่ผมทำพลาดที่สุดสำหรับหนังเรื่องนี้คือการที่ผมได้ซื้อหนังตัวต้นฉบับ 1990 ที่อาโนลด์ ชวาสเน็กเกอร์เล่นไว้มาดูก่อน และชอบเอามากๆกับความสนุก บทที่คมคาย และเต็มไปด้วยการหักมุมหลายต่อ จนบางทีก็กลัวเวอร์ชั่นใหม่จะทำได้ถึงขนาดนี้ไหมแต่ใจลึกๆก็หวังว่ามันจะดีเพราะผูกำกับก็มีดีกรีกำกับหนังอย่าง Die Hard 4 ที่ผมชอบมาแล้ว แต่เมื่อชมไปผมกลับรู้สึกได้เลยว่าถ้าผมไม่เอาเวอร์ชั่นต้นฉบับมาดูก่อน คงจะรู้สึกสนุกกับหนังมากกว่านี้ก็ได้







เนื่องจากการเดินเรื่องของภาคใหม่แทบจะทั้งหมดคล้ายกับภาคต้นฉบับ ทำให้อารมณ์ลุ้น หรือ เดาเรื่องไม่ถูกแทบจะมลายหายไปหมด แต่ผมเข้าใจว่าผู้กำกับคงรู้เลยเปลี่ยนช่วงท้ายเรื่องให้แปลกไปจากของเก่า แต่กลับกลายเป็นทำให้จุดอ่อนที่ด้อยกว่าภาคต้นฉบับชัดเจนขึ้นไปอีกต่างหาก เพราะ ในภาคต้นฉบับในช่วงท้ายเรียกได้ว่าหักมุมหลังหักคาดไม่ถึงกันสุดๆ แต่ในขณะที่ภาคใหม่แทบจะไม่เรียกว่าหักมุมด้วยซ้ำ กลายเป็นพล็อตตลาๆของฮอลลีวู้ดที่ไม่มีความน่าจดจำเอาซะเลย และมันยังส่งผลให้แรงจูงใจของตัวละครในช่วงท้ายขาดพลังไม่เท่ากับเวอร์ชั่นต้นฉบับ



โครงบทของภาคใหม่นับว่าไอเดียดีน่าสนใจครับ การใช้สัญลักษณ์ The Fall เป็นตัวแทนของการกีดกั้นชนชั้น เรื่องราวของสิทธิความเท่าเทียม หรือการค้นหาตัวตน ในช่วงแรกที่หนังพูดถึงสิ่งเหล่านี้ทำให้ผมพอจะหวังได้ว่าบทมันน่าจะลึกกว่าเวอร์ชั่นต้นฉบับแน่นอน แต่มันไม่ใช่ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกพูดถึงอีกเลยเมื่อหนังเข้าสู่ช่วงที่พระเอกถูกRekall กลับกลายเป็นหนังที่ประเคนฉากแอ็คชั่นเข้าใส่จนหนังลืมแกนกลางของเรื่องไปจริงๆ สัญลักษณ์อย่าง The Fall แทนที่จะถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์การแบ่งชนชั้นก็ถูกลืมเลือนหายไป ไม่ได้รู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่หรือน่าคิดแบบที่หนังกล่าวไว้ตอนต้นแม้แต่นิดเดียว นับว่าเป็นจุดที่น่าเสียดายเอามากๆสำหรับผมที่โครงเรื่องเจ๋งๆเล่านี้กลับถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้น้อยเอามากๆ







สำหรับฉากแอ็คชั่นก็ถือว่าทำได้สนุกครับ หนังใช้เรื่องของความเป็นไซไฟกับฉากแอ็คชั่นได้โอเคดี อย่างฉากที่ผมชอบที่สุดคือฉากลิฟท์ที่ดูสนุก แต่ถามว่าตื่นตาตื่นใจอะไรไหมคงตอบว่าไหม ผมแค่รู้สึกว่ามันสนุกแต่ไม่ได้ถึงขั้นโอ้โห ว้าว สุดยอด อะไรขนาดนั้น มันไม่ได้ดูแปลกใหม่อย่างที่ผมหวังไว้ เพราะเอาจริงๆผมคิดว่ามีหนังแนวนี้ที่ทำฉากแอ็คชั่นให้เราตื่นตาตื่นใจกว่านี้มากมายแล้ว น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบแอ็คชั่นผสมไซไฟ แต่คงไม่เหมาะกับคนที่ชอบฉากแอ็คชั่นแบบฮาร์ดคอร์มันส์จนแทบลืมหายใจอะไรแนวนั้น



สิ่งที่ผมชอบจากหนังเรื่องนี้ดูเหมือนจะมีแค่2สิ่ง คืองานออกแบบที่ดูแล้วยอดเยี่ยมมาก มันดูมีความเป็นโลกอนาคตเข้ากับคอนเซปหนังมาก แม้ว่ามันจะมีกลิ่นอายของหนังไซไฟอย่าง Blade Runner , Minority Report , I Robot อยู่บ้างก็ตาม แต่ก็ไม่ถึงขั้นงานออกแบบที่เลียนแบบจนน่ารังเกียจ แต่ปรังเปลี่ยนสิ่งต่างๆให้เข้ากับตัวหนังได้อย่างดี นี้คือสิ่งที่ผมชอบเอามากๆ



อีกสิ่งคือตัวละครอย่าง ลอรี่ ที่แสดงโดย เคธ เบกคินเซล ที่ดูเหมือนจะโดดเด่นซะยิ่งกว่าตัวละครเอกทั้งเรื่อง เพราะชีเป็นตัวละครที่ร้ายและน่าถีบเอามากๆ เรียกได้ว่าทุกครั้งที่ออกมาพอช่วยให้หนังมีความสนุกได้มากขึ้นกว่าเดิมจริงๆ แบบชนิดว่าทำเอาตัวละครตัวนี้ในฉบับต้นฉบับดูเป็นเด็กสาวแบเบาะในทันที







สรุป : พลาดจริงๆครับที่ผมไปดูตัวต้นฉบับมาก่อน ทำให้ความรู้สึกร่วมกับหนังมันหายไปหมด และแม้จะพยายามไปเปรียบเทียบ แต่จุดด้อยของหนังมันชัดเจนจนเกินไป ทำให้ผมทำใจที่จะชอบภาคใหม่โดยไร้ซึ่งตัวต้นฉบับมาเกี่ยวข้องไม่ได้ หนังน่าจะเหมาะกับคนที่ชอบหนังไซไฟแอ็คชั่นแบบไม่ต้องมีบทให้คิดจนปวดหัวและไม่เคยดูต้นฉบับมาก่อนครับ หนังน่าชมเชยสำหรับดีไซน์สิ่งต่างๆที่ดูไฮเทคสมกับตัวหนัง และตัวละครลอรี่ที่ช่วยทำให้หนังดูสนุกขึ้นบ้าง แต่สำหรับคนที่รักต้นฉบับมากๆแนะนำว่าอย่าเสียเวลาเลยครับผม



จุดที่ชอบ

+ ดีไซน์ไฮเทค สวยงาม เข้ากับบรรยากาศหนัง

+ ตัวละครลอรี่มีสีสัน ทุกครั้งที่ออกมาขโมยซีนและทำให้หนังสนุกขึ้น



จุดที่ไม่ชอบ

- เดินเรื่องไม่ต่างอะไรกับต้นฉบับแม้แต่จุดหักมุมหลายๆจุด ทำให้คนดูต้นฉบับมาก่อนจะรู้สึกเบื่อหน่ายทันที

- การเปลี่ยนแปลงบทในช่วงท้ายทำให้หนังด้อยค่าลงทันที

- บทปรัชญาต่างๆที่ใส่มาในช่วงต้นถูกลืมเลือนจนหมดสิ้นเมื่อหนังผ่านไปได้ซักพัก



เกรด C+




ปล.เพลงสรรเสริญพระบารมีเวอร์ชั่นใหม่ของ SF ดูจะเป็นสิ่งที่ผมประทับใจซะยิ่งกว่าตัวหนังทั้งเรื่องอีกครับ ขนลุกจริงๆ



แล้วเจอกันใหม่ครับ ลาล่ะ555
Miscellaneous

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา