Mecha Story: แว่นตา แว่นตา แว่นตา...

ที่รีเควสต์ไว้ยังไม่ได้นะครับ ยังมีบางอย่างที่ต้องค้นต่อไป(ทำท่าว่าจะอีกนาน...) ว่าแล้วก็กลับมาหาบรรดาพระเอกของแว่นตาเอาลงไปก่อน





SRX-00 SRXและSR-01 SRXอัลเทอร์ด "แบนเพรออส"

ซูเปอร์โรบ็อตที่ใช้การรวมร่างของRซีรี่ส์ทั้งสามเครื่อง ชื่อSRXมาจากSuper Robot X-type แม้จะเป็นหุ่นรบที่มีพลังมหาศาลเพราะใช้กำลังจากเครื่องยนต์ของRซีรี่ส์ทั้งสามรวมกันและยังเชื่อมระบบT-LINKของR-1และR-3เข้าด้วยกัน แต่ก็มีปัญหาเนื่องจากอายะไม่สามารถใช้งานระบบT-LINKได้เต็มที่ การรวมร่างครั้งแรกของSRXจึงประสพความล้มเหลว เมื่อR-1ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการต่อสู้กับRกันรีวาเล ยูเรนัสซิสเต็มของR-1ก็ได้ทำงานและสามารถรวมเป็นSRXได้ แต่เนื่องจากชิ้นส่วนของRซีรี่ส์ทั้งสามโดยเฉพาะมอเตอร์ต่างๆต้องรับภาระหนักจึงไม่สามารถต่อสู้ได้นานเกินสามนาที ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขโดยศจ.มาเรียน ราดัมซึ่งใช้อะไหล่ของอัลท์ไอเซ่นที่สามารถทนการใช้งานหนักได้มากกว่ามาเปลี่ยนให้Rซีรี่ส์

อาวุธของSRXก็คือไฮฟิงเกอร์ลันเชอร์ที่นิ้วทั้งสิบ, เทเลคิเนซิสมิสไซล์, ที่เท้าทั้งสองข้างมีใบมีด, แว่นของSRXสามารถยิงลำแสง "กอนต์เจโรไซเดอร์" และ "โดมิเนี่ยนบอล"ซึ่งเป็นการรวมพลังจิตไว้ที่หมัดแล้วชกออกไปทำลายศัตรูจากระยะไกล หน้าอกของSRXมีดาบโซลโอลิฮาโกเนี่ยม(Z.O)ซึ่งใช้เป็นท่าไม้ตาย "เหนือฟ้าใต้หล้า ดาบพลังจิตไร้พ่าย" และ "เหนือฟ้าใต้หล้า ดาบพลังจิตกัมปนาท" เมื่อRกันได้รับการดัดแปลงเป็นRกันพาวเวิร์ดแล้วจะใช้Rกันเป็นปืนใหญ่โทรเนี่ยมบัสเตอร์แคนน่อน หรือ "เหนือฟ้าใต้หล้า ปืนใหญ่หนึ่งนัดหนึ่งพินาศ"ซึ่งเป็นอาวุธที่มีอานุภาพสูงสุดได้

ในSRW Alpha 3 SRXถูกทำลายในการต่อสู้กับไวยครันของฮาซาล ก็อซโซ่แห่งจักวรรดิเซบัลมารี ซึ่งฮาซาลได้ดึงเอาเครื่องยนต์โทรเนี่ยมของSRXไปพร้อมจับตัวอายะไปด้วย จริงๆแล้วSRXก็คือยูนิตทดลองของSR-1 "แบนเพรออส" เนื่องจากเร่งสร้างให้ทันใช้งาน แบนเพรออสจึงไม่สามารถแยกร่างเป็นRซีรี่ส์ได้ จุดอ่อนที่โครงสร้างของSRXทั้งหมดได้รับการแก้ไขและระบบT-LINKได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ไฮฟิงเกอร์ลันเชอร์ถูกเปลี่ยนเป็นไฮปาล์มเดโทเนเตอร์ซึ่งติดไว้กับฝ่ามือทั้งสองข้างเพื่อให้ใช้งานได้ดีขึ้น ไม่สามารถใช้โดมิเนี่ยนบอลได้แต่ริวเซย์สามารถใช้พลังจิตสร้างดาบT-LINKเบลดนัคเคิ่ลที่หมัดทั้งสองข้างเพื่อใช้โจมตีศัตรูในระยะประชิดอย่างต่อเนื่องได้ แบนเพรออสยังสามารถใช้พลังจิตผ่ามิติได้ ซึ่งแบนเพรออสได้ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อไรดีสและไมได้ใช้ความสามารถในการผ่ามิติของแบนเพรออสช่วยพวกริวเซย์ที่ต่อสู้กับฮาซาลอยู่ในช่องว่างมิติ ในภายหลังริวเซย์ยังใช้พลังในการผ่ามิตินี้เดินทางเป็นระยะไกลในอวกาศโดยอาศัยประตูมิติครอสเกต

แม้แบนเพรออสจะมีปัญหาที่แร่โทรเนี่ยมในเครื่องยนต์นั้นเหลืออยู่น้อยมากจึงสามารถใช้พลังได้เพียง70%เท่านั้น แต่ก็มีพลังมากพอที่จะโค่นกาดอลไวยครันของฮาซาลได้ เมื่อพวกริวเซย์ได้บุกไปถึงดาวบัลม่า อายะที่ได้รับความช่วยเหลือจากบารัน โดบันและลูเรีย เคทซ์ก็ได้เอาแร่โทรเนี่ยมมาให้แบนเพรออส ซึ่งแบนเพรออสที่มีพลังเต็มร้อยแล้วจะสามารถใช้ไม้ตาย"เหนือฟ้าใต้หล้า ดาบพลังจิตไร้คู่เปรียบ" ซึ่งใบมีดที่เท้าของแบนเพรออสจะกลายเป็นดาบชินZ.Oซอร์ดแบบสองคมขนาดใหญ่และสามารถเชื่อมระบบเข้ากับRกันพาวเวิร์ดและเอ็กซ์กันเนอร์เพื่อใช้"เหนือฟ้าใต้หล้า ปืนใหญ่หนึ่งนัดหนึ่งพินาศ ฉบับปรับปรุง"ซึ่งมีอานุภาพเหนือกว่าของSRXได้





ไซบัสเตอร์

มาโซคิชินแห่งลมและเป็นมาโซกิที่แข็งแกร่งที่สุดในมาโซกิทั้งสิบหกเครื่องที่เวนดี้ ลาสซึม อิกนาร์ทพัฒนาขึ้นเพื่อเตรียมรับมือการคืนชีพของหายนะเทพโวลคลูส ไซบัสเตอร์มีพลาน่าคอนเวอเตอร์ขนาดใหญ่ด้านหลังซึ่งเป็นลักษณะเด่นของมาโซกิธาตุลมส่วนใหญ่ทำให้สามารถบินได้และสามารถแปลงร่างเป็นยานไซเบิร์ดเพื่อเร่งความเร็วได้อีก วิญญาณพิทักษ์ของไซบัสเตอร์ก็คือจิตวิญญาณแห่งลม ไซฟิสซึ่งได้เลือกมาซากิ อันโดเป็นนักบิน เกราะของไซบัสเตอร์เป็นเกราะโลหะผสมโอริฮาโกเนี่ยมซึ่งมีความทนทานสูง

อาวุธพื้นฐานของไซบัสเตอร์ก็คือดาบดิสคัตเตอร์ซึ่งไซบัสเตอร์สามารถเรียกออกมาได้ตลอดเวลาและสามารถเพิ่มอานุภาพเป็นวานิตี้ริปเปอร์ได้, คาโลลิคมิสไซล์ และไม้ตายอาคาชิกบัสเตอร์ ซึ่งเป็นการใช้พลังเวทมนต์ยิงโจมตีศัตรูในรูปแบบของนกไฟ ในภายหลังอาคาชิกบัสเตอร์ได้รับการปรับปรุงให้รุนแรงขึ้นโดยมาซากิจะใช้ไซเบิร์ดรวมตัวเข้ากับนกไฟแล้วพุ่งชนเพื่อเพิ่มพลังทำลาย ต่อมามาซากิได้รับฟามิเลียร์ สัตว์รับใช้ที่สร้างจากจิตใต้สำนึกของมาซากิเองคือแมวดำคุโร่และแมวขาวชิโร่ คุโร่และชิโร่จะคอยช่วยสนับสนุนการควบคุมไซบัสเตอร์โดยเฉพาะเรื่องเล็กๆน้อยๆซึ่งมาซากิไม่เคยสนใจอย่างระบบซ่อมแซมตัวเอง คุโร่และชิโร่ยังช่วยควบคุมอาวุธไฮฟามิเลียร์ซึ่งของไซบัสเตอร์เป็นอาวุธรีโมตติดปืน(เหมือนอาวุธไซคอมมิว) อาวุธที่โดดเด่นอีกชิ้นก็คือไซแฟลชซึ่งเป็นการระเบิดพลังงานออกไปในบริเวณกว้างโดยไม่ทำร้ายพวกเดียวกัน อาวุธที่รุนแรงที่สุดที่เวนดี้ได้ติดตั้งไว้กับไซบัสเตอร์ก็คือกระสุนเวทย์คอสโมโนว่า

ไซบัสเตอร์ยังมีความสามารถในการเดินทางข้ามมิติจากลากิอัสมาสู่ผิวโลกได้ด้วยตัวเอง ซึ่งในครั้งแรกที่มาซากิได้ทดลองดูนั้นดันเอาไปจอดกลางเมืองทำให้เกิดการแตกตื่นและถูกเข้าใจผิดว่าเป็นหุ่นยนต์ของแอโรเกเตอร์ ความสามารถสุดท้ายของไซบัสเตอร์ก็คือไซฟิสสามารถผนึกวิญญาณเข้ากับมาซากิเพื่อมอบพลังอันไร้ขีดจำกัดให้กับไซบัสเตอร์ได้ ซึ่งไซบัสเตอร์ได้ใช้ความสามารถนี้ครั้งแรกในการต่อสู้กับแกรนซอนของชู แต่เมื่อไซฟิสออกจากร่างไป มาซากิก็จะอยู่ในสภาพเฉียดตายจากการใช้พลาน่าไปเกินขนาด(พลาน่าเดรน)ซึ่งในครั้งนั้นมาซากิรอดมาได้เพราะเวนดี้จูบถ่ายพลาน่าให้เป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น

เนื่องจากวิญญาณพิทักษ์จะยอมให้ผู้มีจิตใจอันดีงามควบคุมมาโซคิชินเท่านั้น นักบินของมาโซคิชินจึงเป็นผู้มีอิสระมากที่สุดในอาณาจักรแลงกรันและสามารถขัดคำสั่งขององค์กษัตริย์ได้โดยไม่มีความผิด หลังจากที่อาณาจักรแลงกรันได้รับความเสียหายจากการโจมตีของชู ชิราคาว่า มาซากิและไซบัสเตอร์ได้ตามล่าชูขึ้นมายังผิวโลกและได้เข้าร่วมกับยานฮางาเนะในสงครามDCและสงครามL5 รวมถึงการต่อสู้กับอินสเป็คเตอร์และไอนส์ในเวลาต่อมา

เนื้อเรื่องของภาคOGยังไม่รวมถึงส่วนนี้ แต่ในภาคเดิม มาซากิได้สังหารชูที่ได้แปลงสภาพของแกรนซอนไปสู่นีโอแกรนซอนหลังการต่อสู้กับอินสเป็คเตอร์ เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น มาซากิจึงได้กลับไปยังลากิอัสซึ่งในขณะนั้นอาณาจักรแลงกรันกำลังทำสงครามกับชูติเนียส ซึ่งต่อมาเฟลลอร์ด แกรน บิลเซียร์ ผู้ปกครองแลงกรันได้ใช้โชมาโซกิ ดิวแล็กซิลเพื่อหวังรวมลากิอัสเป็นหนึ่งเดียว ในฐานะนักบินของมาโซคิชินซึ่งมีหน้าที่ปกป้องความสงบสุขของลากิอัส มาซากิจึงเข้าขัดขวางก่อนจะจบชีวิตของเฟลลอร์ดให้ในฐานะเพื่อนตามคำขอร้องของเฟลลอร์ดเอง ไซบัสเตอร์กลับมายังโลกอีกครั้งเพื่อช่วยลอนโดเบลในการต่อสู้กับเกวสต์ ในสงครามหลังจากนั้นมาซากิยังได้ฝึกวิชาในห้องมิติจนได้ไม้ตายสุดยอด "ดิสคัตเตอร์รันบุโนะทาชิ" ซึ่งเป็นเพลงดาบดิสคัตเตอร์ที่ฟาดฟันศัตรูอย่างรวดเร็วโดยรอบทิศทาง

ในภาคอัลฟ่ายังกล่าวว่าระบบคอมพิวเตอร์ของไซบัสเตอร์คือคอมพิวเตอร์ปิศาจลาปลาซนั้นมีความสามารถในการคำนวนอนาคตได้โดยการอ่านอาคาชิกรีคอร์ดหรือ"ชะตากรรม" (ไซฟิสก็เป็นส่วนหนึ่งของอาคาชิกรีคอร์ดเหมือนอิเด?) ไซบัสเตอร์ยังสามารถใช้ความสามารถผนึกวิญญาณในระดับต่ำกว่าซึ่งแม้จะไม่มีอานุภาพเท่ากับแบบสมบูรณ์แต่ก็ไม่มีผลกระทบจากพลาน่าเดรนแต่อย่างใด





DGG-XAM3 ไรโอ

ดับเบิ้ลGหมายเลขสามที่พัฒนาโดยศจ.คาโอรุ โทโอมิเนะ ชื่อไรโอมาจากระบบLIOH (Lead Innovation Organic Harmony) ตัวคันจิ ไรโอแปลว่าหงส์สายฟ้า ระบบLIOHนั้นจะเร่งการผลิตอดรีนาลีนของนักบินเพื่อเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ มินาคิ โทโอมิเนะเป็นผู้พัฒนาไรโอต่อจากพ่อและได้โทมะ คาโน่อดีตพนักงานส่งของที่บังเอิญได้ขับไรโอเพราะจักวรรดิบัลม่าโจมตีขณะที่เอาของไปส่งให้มินาคิพอดีเป็นนักบินทดสอบ การโจมตีของไรโอเป็นการใช้กระแสพลาสม่าผสานกับวิทยายุทธลูกเตะ มือสองข้างของไรโอสามารถผลิตแส้พลาสม่าเพื่อใช้จับการเคลื่อนไหวของศัตรูได้และส่วนขามีพลาสม่าคอนเวอเตอร์ซึ่งสามารถใช้เตะเป็นท่าโจมตีระยะไกล"ฮาเคนอิมพัลส์"และ"ไลท์นิ่งฟอล"ซึ่งใช้คลื่นพลาสม่าทำลายศัตรูเป็นบริเวณกว้าง ซิสเต็มLIOHนั้นทำให้ร่างกายและจิตใจของนักบินต้องรับภาระหนัก ซึ่งในที่สุดโทมะก็เกิดคลั่งทำร้ายพวกเดียวกันจนกระทั่งถูกไดเซ็นเกอร์ใช้กำลังโค่นลงได้ มินาคิจึงปิดซิสเต็มLIOHแล้วติดตั้งระบบDMLแบบเดียวกับของดับเบิ้ลGอีกสองเครื่องแทน ด้วยคำแนะนำของเซ็นเกอร์ โทมะจึงสามารถใช้งานระบบDMLและท่าไม้ตาย"ไรซิ่งเมเทโอ"ได้

ไรโอได้รับความเสียหายอย่างหนักในการต่อสู้กับเบมิดบันของบารัน โดบันแห่งจักวรรดิเซบัลมารี่ มินาคิจึงได้ปรับปรุงไรโออีกครั้งเป็นDGG-XAM3C "ไดนามิคไลท์นิ่งโอเวอร์"หรือ"ไดไรโอ" ซึ่งเพิ่มกำลังเครื่องและพลาสม่าคอนเวอเตอร์ ทั้งยังติดบูสเตอร์ขนาดใหญ่ไว้ด้านหลังซึ่งทำให้ไดไรโอมีการขับเคลื่อนสูงกว่าเดิมและสามารถบินได้ ไดไรโอได้รับการยอมรับว่าเป็นดับเบิ้ลGอย่างเป็นทางการ ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้น โทมะและไดไรโอได้ทำลายเอสรีมของจักวรรดิไป100เครื่องในการออกรบครั้งแรก แต่ในการต่อสู้กับบารันครั้งต่อมาไดไรโอก็ยังพ่ายแพ้และได้รับความเสียหายอย่างหนักที่ส่วนหัว โทมะได้คิดจะใช้ซิสเต็มLIOHกับไดไรโออีกครั้งเพื่อเพิ่มพลังให้สู้กับบารันได้แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจใช้พลังของตัวเองโดยไม่พึ่งLIOH โทมะสามารถดึงพลังของไดไรโอจนถึงขีดสุดเป็นไม้ตายใหม่ "จินไร" (อสนีเทวะ)ซึ่งมีอานุภาพสูงจนเป็นหลักฐานว่าพลังของโทมะนั้นเหนือกว่าซิสเต็มLIOHแล้ว



รูปแถมพิเศษ...



เห็นว่าสไตรค์ฟรีด้อมจะได้รับการดีไซน์ใหม่ให้โดนใจแฟนๆกันดั้มรุ่นใหม่ยิ่งกว่าเดิมในSEEDภาคหน้า...



แต่ข่าวอีกกระแสก็ว่าน่าจะเป็นตัวใหม่ไปเลยมากกว่า กลับสู่รูปแบบที่คุ้นเคยกันอย่างนี้...



นี่มัน...GunDam!

ไม่ว่าเป็นอันไหนก็น่าดูทั้งนั้นเลยนะ เนื้อเรื่องคงแหวกแนวเอาการ...



รูปแถมทั้งสองรูปได้มาจากUncyclopediaครับ
Super Robot Wars Games Mecha Story

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา