Lunae’s Movie Reviews (spoiler: King Arthur, I-ROBOT, Riddick)+แถม1เล่ม

พรุ่งนี้งดเรียนอีกแล้ว(เพราะอาจารย์ต้องไปขานชื่อรับปริญญาเลยงดใช้เสียงสอนนักเรียน เฮ่อ เฮ่อ) ก็เลยมีเวลามาวิจารณ์หนังที่ได้ดูไปในช่วงนี้ แต่เนื่องจากห่างหายไปนานก็เลยยัดเยียดรวมไว้ในกระทู้เดียวเลยแล้วกันเนอะ ใครสนใจเรื่องไหนก็อ่านแต่เรื่องนั้นได้เลยค่ะ รับประกันความไม่มีสาระในกระทู้นี้…เพราะคนเขียนต้องเอาสมองไปแปลกฎหมายสองชิ้นให้ทันเที่ยงคืนวันนี้ก่อน(TT_TT)



=================================




[font size=4 color=blue]I-ROBOT (แผนพิฆาตจักรกลเขมือบโลก)[/font]


หนังเปิดเรื่องมาด้วยอดีตที่ติดลึกในความทรงจำของพระเอก สลับกับกฎพื้นฐานสามข้อของหุ่นยนต์ตามนิยายของไอแซค อาซิมอฟ ซึ่งนักอ่านแนวSCI-FIหลายคนคงรู้จักดี(เราก็รู้จักแต่ไม่เคยอ่านงานเขียนเขาสักครั้ง^^;)

จากนั้นหนังก็ดำเนินไปตามชีวิตประจำวันของพระเอกที่มีอคติต่อหุ่นยนต์จากประสบการณ์ในอดีตดังกล่าวนั่นแหละ มีฉากพระเอกอาบน้ำด้วย โชว์หุ่นเต็มที่เลย เพลงที่พระเอกชอบฟังอยู่บ่อยๆนั้นถ้าดูหนังไปเรื่อยๆก็จะเข้าใจเองว่ามันเกี่ยวกับความทรงจำอันลืมไม่ลงนั้น ประสบการณ์ที่ทำให้พระเอกต้องเจ็บปวดใจไปตลอดชีวิตและมีอคติต่อหุ่นยนต์อย่างสูง



ความเข้มข้นเริ่มขึ้นตั้งแต่พระเอกต้องไปพัวพันกับคดีนักวิทยาศาสตร์ที่ถือได้ว่าเป็นบิดาแห่งหุ่นยนต์(เหมือนอิตจังเป็นบิดาของPCรูปร่างมนุษย์เลย)กระโดดทะลุกระจกนิรภัยลงมาตายในสำนักงานของบริษัทUS Robotics(หลายๆคนคงอึ้งล่ะสิว่ามันเล่นมุขอะไรกัน หึ หึ หึ) จากนั้นอคติต่อหุ่นยนต์ของพระเอกก็ทำให้ได้สนิทสนมกับนางเอกและหุ่นยนต์รุ่นพิเศษที่ศาสตราจารย์ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้กู้โลกโดยเฉพาะ(มุขนี้มันเหมือนการ์ตูนเรื่องหนึ่งเลยเนอะ แต่ฟังจากเสียงพากย์แล้ว หุ่นยนต์ในเรื่องนี้เป็นตัวผู้น่ะ หึ หึ) เมื่อพระเอกสืบไปสืบมาก็เสี่ยงตายขึ้นทุกที จนในที่สุดความลับก็เปิดเผยออกมาว่าพระเอกมีความสัมพันธ์ฉันใดกับศาสตราจารย์ที่ตายไปคนนั้น แต่คนที่ฟังภาษาอังกฤษออกก็คงรู้อยู่แล้วล่ะ



ตอนที่พระเอกมองศพชายชราแล้วพูดว่า

[font color=red]“Goodbye Old man.”[/font]

แต่sub-titleดันแปลว่า

[font color=red]“ลาก่อน ชายแก่”[/font]

เราเกือบปล่อยก๊ากออกมาลั่นโรงเลยทีเดียว ทีนี้ก็รู้แล้วว่าอาจารย์ไปเอาcase studyมาจากหนังเรื่องไหน หึ หึ



ตรงนี้ขออธิบายนิดหนึ่งละกัน…

[font color=fuchsia]“Old man”[/font]

เป็นคำเรียกผู้อาวุโสที่สนิทชิดเชื้อ อย่างเช่น พ่อตัวเอง หรือ ปู่และตาของตน ในที่นี้รวมถึงคนแก่ที่เรารู้สึกผูกพันด้วย การที่คนอ่อนวัยกว่าจะเรียกคนแก่ด้วยคำนี้ได้ต้องเป็นคนที่สนิทสนมเหมือนคนในครอบครัว มีความรู้สึกเอ็นดูอยู่ด้วยเท่านั้น ตัวอย่างที่น่าจะคุ้นเคยกันก็คือ พ่อของแซมในLOTRซึ่งฉบับภาษาไทยจะเรียกว่า [font color=fuchsia]“พ่อเฒ่า”[/font] คำนี้แสดงความสนิทสนมและเอื้ออาทรต่อบิดาตัวเองอย่างมาก แต่เมื่อภาษาไทยมาแปลว่า [font color=fuchsia]“ชายแก่”[/font] เสียแล้ว คนดูที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรมตะวันตกจะไม่รู้เลยว่าพระเอกกับผู้ตายมีความผูกพันกันเพียงใด ไปรู้เอาเกือบท้ายเรื่องนั่นเลย



ส่วนการหักมุมตัวร้ายในเรื่องก็เฉยๆ เพราะเรารู้อยู่แล้วเนื่องจากเมื่อตั้งชื่อเรื่องว่า I-ROBOT ตัวร้ายก็ไม่ใช่มนุษย์แหงๆอยู่แล้ว และความสามารถของตัวร้ายนี้ก็ระดับนางพญาในรังผึ้งของเรื่อง Resident Evil ดีๆนี่เอง ชื่อยังคล้ายๆกันอีก ทำให้รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าใครเป็นตัวร้าย แต่วิธีกำจัดก็ง่ายดีเหมือนกันนะ แค่โดดตึก30ชั้นลงไปจิ้มเข็มฉีดยาเท่านั้นเอง เหอ เหอ



ขณะดูหนังเรื่องนี้เราได้เห็นอะไรฮาๆหลายอย่าง เช่น…



1. หนังเรื่องนี้สปอนเซอร์เยอะมาก ทั้งVolvo, Converse, US Robotics(รายหลังนี้ไม่แน่ใจว่าอยากเป็นสปอนเซอร์หรือเปล่า เพราะได้รับบทตัวร้าย แต่คนซื้อโมเด็มคงไม่สนใจหรอกนะว่าจะเป็นยังไง ตราบที่โมเด็มของเจ้านี้ไม่ทำกับเราเหมือนหุ่นยนต์ในหนัง หึ หึ หึ)



2. เพกซิส(AIของยานอวกาศในVandred)ถูกสร้างขึ้นในสมัยนี้นี่เอง(A.D.2035) ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นHDDของหุ่นยนต์ แถมสีน้ำเงินด้วย แล้วเวลาถูกตัวร้ายควบคุมก็จะเป็นสีแดงอีกต่างหาก อย่างนี้เพียวโร่ก็มีHDDแบบนี้เหมือนกันเหรอเนี่ย?



3. ออโต้เมล์(Auto Mail)ในสมัยนี้ก็มีเหมือนกัน ฉากที่พระเอกสู้กับหุ่นยนต์จนต้องเปิดเผยแขนเหล็กนั้นเหมือนตอนเปิดตัวED-chanเลย แต่แขนขาดคนละข้างเท่านั้นแหละ นอกนั้นมันเหมือนกันเปี๊ยบ อ้อ…ในเรื่องมีสเปรย์สีผิวมนุษย์ไว้กลบสีเหล็กด้วยนะ น่าจะหาให้ED-chanใช้สักอัน คงเพิ่มความน่ารักน่าจับกดขึ้นอีกเยอะ หึ หึ



4. Resident Evilก็โผล่ในเรื่องนี้ แค่เปลี่ยนจากซากศพเดินได้เป็นหุ่นยนต์รุ่นใหม่เท่านั้นแหละ ฉากที่หุ่นรุ่นใหม่กำจัดรุ่นเก่านั้นสะใจใช้ได้เลย แม้จะไม่มันส์เท่าGONZOทำก็เถอะ ส่วนราชินีผึ้งร่างเด็กผู้หญิงก็เปลี่ยนเป็นAIเสียงผู้หญิงเท่านั้นเอง แต่นิสัยเหมือนกันเปี๊ยบ



5. มีการกัดBill Gatesด้วย โดยใช้US Roboticsเป็นตัวแทน ฉากที่พระเอกพูดว่าทำไมกองทัพไม่ส่งคนมาช่วย แล้วนางเอกบอกว่าเพราะกองทัพก็ใช้OSของบริษัทนั้น ฮามาก อย่างนี้ในโลกแห่งความเป็นจริงก็เท่ากับMicrosoftครองโลกแล้วน่ะสิ!



สรุปคะแนนของหนังเรื่องนี้ – 10/10

กำกับภาพ เขียนบท แอคติ้งนักแสดง เพลงประกอบ ถือว่าผ่านหมดค่ะ^^ ที่น่าชื่นชมคือCGของเรื่องนี้ที่ทำให้หุ่นยนต์ตัวเอกแสดงสีหน้าได้เหมือนมนุษย์ แม้ในความเป็นจริงจะมีเด็กสายวิทย์บอกว่าโลหะไม่สามารถเปลี่ยนรูปเพื่อแสดงอารมณ์ได้เหมือนผิวหนังก็ตามเถอะ



P.S. มีเรื่องอึ้งนิดหน่อยตอนที่ก่อนหนังฉาย ทางโรงจะมีหนังสั้นบอกให้ปิดมือถือใช่ม้า โรงเมเจอร์ก็เอาเจ้าหุ่นยนต์ในเรื่องนี้นั่นแหละมาบอกให้ปิดมือถือ คำพูดก็อย่างฮาอ่ะ ตอนนั้นนึกว่าใช้เฉพาะกับเรื่องนี้ แต่พอไปดูอีกสองเรื่องมันก็ยังเป็นหมอนี่ สงสัยคงใช้ถาวรแล้วล่ะมั้ง หึ หึ

Miscellaneous

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา