Mecha Story: จับฉ่ายอีกแล้ว (หนักไปทางแอสเทรย์)

มีที่ไม่ใช่กันดั้มสองอัน...มาจากเรื่องไหนเห็นหน้าก็คงรู้ล่ะ





MBF-P0X กันดั้มแอสเทรย์นัวร์

กันดั้มแอสเทรย์ที่บริษัทแอ็คทายออนสร้างเลียนแบบและปรับปรุงจากข้อมูลที่รวบรวมมาจากกันดั้มแอสเทรย์รุ่นต้นแบบ แอสเทรย์นัวร์นั้นมีเสาอากาศแบบสี่เสาแทนVฟินแบบรุ่นอื่นๆ และสามารถใช้งานสไตรเกอร์แพ็คได้ โดยใช้นัวร์สไตรเกอร์เป็นแพ็คหลัก นอกจากนั้นยังใช้บีมไรเฟิลแบบปืนพก "ช็อตตี" เหมือนของสไตรค์Eสองกระบอกแทนบีมไรเฟิลปกติ แอสเทรย์นัวร์ยังมีอาวุธเฉพาะคือดาบที่เป็นปืนพกในตัวสองเล่ม ซึ่งอาวุธของสไตรค์นัวร์นั้นออกแบบให้เข้ากับรูปแบบการต่อสู้ของทหารรับจ้าง ดันเต คอร์ดิเจียนี ซึ่งเป็นนักบิน



MBF-P02VV กันดั้มแอสเทรย์เทิร์นเรด

กันดั้มแอสเทรย์ที่วาเลริโอ วาเลรี หรือดับเบิลV วิศวกรของบริษัทแอ็คทายออนใช้อะไหล่เลียนแบบของกันดั้มแอสเทรย์สร้างขึ้นอีกเครื่องเพื่อตั้งใจให้เหนือกว่าเรดเฟรมของโลวโดยเฉพาะ เนื่องจากวาเลริโอทำสีแบบเรดเฟรมแต่สลับส่วนสีแดงและขาวจึงเรียกว่าเทิร์นเรด ส่วนเสาอากาศVฟินปรับให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและเสริมเกราะกันส่วนคางไว้ อาวุธของเทิร์นเรดนั้นวาเลริโอได้เลือกสร้างแท็คติคอลอาร์มส์เลียนแบบจากของบลูเฟรมเซคันด์Lแต่ได้แก้ใหม่ให้ติดไว้ได้สองอัน เทิร์นเรดติดตั้งแบตเตอรีไว้สี่แพ็คและวาเลริโอยังได้สร้างAIเลียนแบบฮาจินั่นก็คือ 80 ซึ่งสามารถบังคับเทิร์นเรดด้วยตนเองได้และจะเปลี่ยนมาทำหน้าที่สนับสนุนเมื่อวาเลริโอขึ้นบังคับเอง เทิร์นเรดยังมี"ทริโอซิสเต็ม"ซึ่งใช้ควบคุมไฮเปอเรียนGแบบไร้คนบังคับอีกสองเครื่องให้ต่อสู้ประสานงานกับเทิร์นเรดได้



MBF-P02 กันดั้มแอสเทรย์เรดเฟรม เรดดราก้อน

เรดเฟรมที่โลวได้ดัดแปลงแบ็คแพ็คบินโดยเสริมแขนกลให้ติดคาเล็ทเวลคได้สามอัน ซึ่ง"คาเล็ทเวลค"นี้เป็นอุปกรณ์เอนกประสงค์ที่จังค์กิลด์ส่งไปให้โลวใช้และปรับปรุง เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ทำงานของจังค์กิลด์ คาเล็ทเวลคจึงมีลิมิเตอร์ทำให้ใช้เป็นอาวุธได้ไม่เต็มที่จนกว่าจะปลดลิมิเตอร์ด้วยพาสเวิร์ด นอกจากดาบแล้วในคาเล็ทเวลคยังมีที่เชื่อมโลหะ แบตเตอรีของตนเองและเครื่องกระจายมิราจคอลลอยด์ ชิ้นส่วนทั้งหมดของคาเล็ทเวลคนั้นสามารถถอดออกมาได้ทำให้โลวสามารถปรับแต่งเองได้อีก ชื่อเรดดราก้อนนี้มาจากที่รูปร่างของเรดเฟรมในขณะที่ใช้แบ็คแพ็คนี้จะคล้ายกับมังกรกางปีก ซึ่งการกระจายอนุภาคมิราจคอลลอยด์ของเรดดรากอนนั้นทำให้สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวกลางอากาศได้ดีกว่าเดิมมาก ส่วนหัวของเรดดรากอนยังใช้เสาอากาศVฟินแบบบีมและมีเซนเซอร์ที่ดีกว่าเดิม



ZGMF-X2000CQGB&S กูฟครัชเชอร์รุ่นปรับปรุง

กูฟครัชเชอร์ที่ดัดแปลงมาจากเครื่องของเอลซา ไวส์ คอมแบทโคออดิเนเตอร์ซึ่งเป็นคู่หูของทหารรับจ้าง ดันเต คอร์ดิเจียนี ซึ่งขาขาดไปในการต่อสู้กับกลุ่มเซอเพนเทล จึงได้นำมาแก้ใหม่โดยเปลี่ยนส่วนขาเป็นแบบติดล้อให้แล่นบนพื้นได้เร็ว ขาขวามีกลไกสำหรับใช้เป็นคีมขนาดใหญ่ ส่วนที่เข่าข้างซ้ายก็มีทวนติดไว้



GAT-X105 แองเจิลสไตรค์กันดั้ม

รูปแบบสุดท้ายของกันพลาสไตรค์กันดั้ม ที่ซัตสึกิ โทรุ ผู้เป็นทั้งเพื่อนและคู่ปรับด้านกันพลาแบทเทิลของทัตสึยะ ยูกิใช้เป็นกันพลาหลัก โดยก่อนหน้านั้นโทรุก็ได้แต่งสไตเกอร์แพ็คแบบต่างๆเอง ไม่ว่าจะเป็นแซทเทอไลท์สไตรเกอร์ ซึ่งใช้ระบบส่งพลังงานลำแสงดิวเทเรียมมาใช้กับปืนบาลาเอนาของฟรีด้อมกันดั้มเพื่อเลียนแบบการทำงานของทวินแซทเทอไลท์แคนน่อนของกันดั้มดับเบิลX เซเวนซอร์ดสไตรเกอร์ที่ดัดแปลงมาจากดับเบิลโอเซเวนซอร์ดสแลชG และดรากอนแฟงก์สไตรเกอร์ที่ดัดแปลงมาจากอัลทรอนกันดั้ม แองเจิลสไตรกันดั้มนี้ โทรุก็ได้ดัดแปลงเอาพาร์ทจากยานอาร์คแองเจิลมาเป็นแบ็คแพ็คขนาดใหญ่ รวมทั้งติดอาวุธพิเศษคือยูนิตอาวุธติดแขน "เมอคิวรีเลฟ" ซึ่งมีสองแบบคือกันยูนิต ซึ่งติดอาวุธปืนสำหรับต่อสู้ระยะไกล กับซอร์ดยูนิตสำหรับติดอาวุธดาบ เสาอากาศVฟินของรุ่นนี้ยังเป็นแบบใหม่ด้วย



ยานชั้นโดกอสเกียร์

ยานประจัญบานขนาดใหญ่ซึ่งเป็นยานธงของทิทานส์ รูปแบบของโดกอสเกียนั้นพัฒนามาจากยานชั้นเบอร์มิงกัม ซึ่งเป็นยานประจัญบานที่พัฒนาหลังสงครามหนึ่งปีแต่ได้รับการออกแบบเพื่อใช้เป็นยานธงในการต่อสู้เต็มรูปแบบระหว่างกองยานรบด้วยกัน เบอร์มิงกัมจึงมีพลังในการต่อสู้ที่สูงมากแต่ไม่ได้รับการออกแบบให้บรรทุกMSได้ เมื่อปรับปรุงรูปแบบของเบอร์มิงกัมมาเป็นโดกอสเกียร์แล้วจึงได้ออกแบบให้บรรทุกMSได้ด้วย ซึ่งโดกอสเกียร์นั้นมีคาทาพัลท์ส่งตัวMSอยู่ทั่วยานถึง 12 จุด จึงสามารถส่งMSในตัวลงสู่สนามรบได้อย่างรวดเร็ว อาวุธหลักของโดกอสเกียร์ก็คือปืนใหญ่มหาอนุภาคที่มีลำกล้องยาวถึงครึ่งตัวยานสามกระบอก และปืนรองนั้นก็มีขนาดที่เทียบได้กับปืนใหญ่มหาอนุภาคของยานรบทั่วๆไป ทำให้มีพลังในการต่อสู้ที่สูงมาก นอกจากนั้นยังมีพลังป้องกันที่สามารถทนการโจมตีจากเมกาบาซูก้าลันเชอร์ของเฮียกุชิกิได้



หลังจากที่ทิทานส์ล่มสลาย การสร้างยานชั้นโดกอสเกียร์เพิ่มก็ถูกระงับไว้ แต่ต่อมาก็ได้มีการสร้างเพิ่มอีกลำเพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนแสนยานุภาพของสหพันธ์ โดยได้ตั้งชื่อว่า เจเนรัลเรวิล ตามจอมพลเรวิล รูปแบบของเจเนรัลเรวิลนั้นได้รับการปรับปรุงโดยเพิ่มคาทาพัลท์ส่งตัวMSที่ด้านหน้าเป็นสี่ช่อง ความยาวตลอดลำยานเพิ่มเป็น 630 เมตร ปืนใหญ่ที่เป็นอาวุธหลักของโดกอสเกียร์นั้นก็ถูกเอาออกไป แต่ได้เพิ่มป้อมปืนขนาดเล็กกว่าไว้แปดป้อมแทน



ยานชั้นอิมพีเรียล

ยานอวกาศแบบยานพิฆาตดาราซึ่งได้ชื่อมาจากความเชื่อที่ว่ายานขนาดนี้มีพลังพอที่จะกวาดล้างระบบดวงดาวทั้งระบบได้ด้วยตนเอง เดิมทีนั้นยานชั้นอิมพีเรียลมีชื่อว่าอิมเพอเรเตอร์ และได้เข้าประจำการในกองยานของสาธารณรัฐกาแล็กติกในช่วงสงครามโคลน เนื่องจากเป็นยานขนาดใหญ่ซึ่งมีความยาวถึง 1.6 กิโลเมตร และมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูงมากจนเทียบได้กับรายได้ประจำปีของระบบดาวหลายระบบรวมกันเลยทีเดียว ในช่วงสงครามโคลนจึงมีการผลิตอิมเพอเรเตอร์เป็นจำนวนจำกัดเท่านั้น แต่ในช่วงท้ายของสงครามก็มีการขยายสายการผลิต หลังการกวาดล้างอัศวินเจไดและสถาปนาจักรวรรดิกาแล็กติกจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นยานชั้นอิมพีเรียลและเพิ่มการผลิตอีกจนเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของจักรวรรดิ



อาวุธหลักของยานชั้นอิมพีเรียลก็คือป้อมปืนเทอร์โบเลเซอร์หนักแบบสองลำกล้องหกป้อมและป้อมปืนใหญ่อิอ้อนแบบสองลำกล้องสองป้อมซึ่งขนาบสองด้านของหอสั่งการ รวมทั้งมีป้อมปืนอีกมากมายเป็นอาวุธรอง โดยปกติแล้วยานชั้นอิมพีเรียลจะบรรทุกยานTIEไฟเตอร์ไว้ในตัว72ลำ กับกระสวยอวกาศของนายทหารยศสูง ซึ่งประตูโรงเก็บจะอยู่ใต้ตัวยาน และมีแทรคเตอร์บีมสำหรับใช้เก็บยานกลับ ยานชั้นอิมพีเรียลยังมีทหารประจำการถึง 9700 นาย และพาหนะหนักอย่างAT-ATและAT-ST ซึ่งเวลาส่งลงไปบนพื้นผิวดาวเคราะห์นั้นจะต้องใช้ยานบรรทุกในการขนส่ง แต่ถ้าจำเป็นต้องทำการสนับสนุนภาคพื้นดินก็สามารถเข้าปฏิบัติการในชั้นบรรยากาศได้เอง ซึ่งในอิมพีเรียลนั้นมีค่ายทหารสำเร็จรูปที่แยกชิ้นส่วนไว้หนึ่งค่าย ซึ่งสามารถส่งลงไปบนดาวและนำมาประกอบได้อย่างรวดเร็วเพื่อเป็นฐานสำหรับปฏิบัติการภาคพื้นดิน ในกรณีที่ทำการโจมตีดาวเคราะห์ที่ไม่มีสนามพลังป้องกันนั้นก็สามารถยิงโจมตีภาคพื้นดินได้ด้วยตนเอง โดมที่อยู่ใกล้กับหอสั่งการนั้นเป็นทั้งระบบสื่อสารขณะที่อยู่ในไฮเปอร์สเปซและเครื่องกำเนิดสนามพลังป้องกันบริเวณสะพานเดินเรือ



ยานชั้นอิมพีเรียลนั้นต่อมาก็ได้มีการพัฒนาต่อไปเป็นอิมพีเรียลทูว์ ซึ่งปรับปรุงระบบอาวุธและเสริมความแข็งแกร่งของเกราะรอบลำยาน ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการของจักรวรรดินั้นได้มีการสร้างยานชั้นอิมพีเรียลมากกว่า 25000 ลำ และหลังจากที่จักรพรรดิพัลพาทีนเสียชีวิตแล้วก็ยังคงมีการใช้งานยานชั้นอิมพีเรียลต่อมาทั้งในกองกำลังที่เหลืออยู่ของจักรวรรดิและสาธารณรัฐใหม่ นอกจากนั้นยังมีพ่อค้าของเถื่อน บูสเตอร์ เทอริค ที่ใช้ลูกเล่นและความช่วยเหลือจากฝูงบินของสาธารณรัฐใหม่ยึดยานชั้นอิมพีเรียลทูว์มาได้จากกองกำลังที่เหลืออยู่ของจักรวรรดิ และเป็นอิมพีเรียลทูว์ลำเดียวที่เอกชนเป็นเจ้าของ โดยบูสเตอร์ได้ขายอาวุธประจำยานส่วนใหญ่ให้สาธารณรัฐใหม่ไปเหลือเท่าที่มีได้ตามกฏหมายยานเอกชน แต่เนื่องจากเป็นยานขนาดใหญ่มาก ส่วนใหญ่แล้วจึงมีปัญหาที่บูสเตอร์หาลูกเรือมาได้แค่พอใช้งานและขาดการซ่อมบำรุง



ยานชั้นเอ็กเซคิวเตอร์

ยานอวกาศแบบสตาร์เดรดน็อตซึ่งเป็นยานที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เอ็กเซคิวเตอร์นั้นได้รับการออกแบบโดยลิรา เวสเซก ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมพัฒนายานพิฆาตดาราชั้นเวเนเตอร์และอิมพีเรียลมาแล้ว โดยลิรานั้นตั้งใจให้เอ็กเซคิวเตอร์เป็นสุดยอดยานรบที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด ยานชั้นเอ็กเซคิวเตอร์นั้นใช้รูปแบบของยานชั้นอิมพีเรียลแต่มีขนาดใหญ่ถึง 19 กิโลเมตร ซึ่งเป็นยานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตอนที่เข้าประจำการ และใช้ลูกเรือมากกว่าสองแสนแปดหมื่นคน ซึ่งทำให้บนตัวยานมีส่วนที่เป็นเมืองซึ่งเป็นที่พักอาศัยของลูกเรือด้วย อาวุธของเอ็กเซคิวเตอร์นั้นประกอบด้วยปืนใหญ่เทอร์โบเลเซอร์รวมกว่าสี่พันกระบอก มิสไซล์ ปืนใหญ่อิอ้อน และปืนเลเซอร์ป้องกันตัวในระยะใกล้ เอ็กเซคิวเตอร์นั้นมีเครื่องกำเนิดสนามพลังอยู่ทั่วยาน และสามารถบรรทุกยานขับไล่ได้นับพันลำ



ในตอนที่เอ็กเซคิวเตอร์ลำดั้งเดิมยังสร้างไม่เสร็จนั้น ดาร์ธเวเดอร์ก็ได้ใช้เป็นฐานปฏิบัติการของตนเอง ซึ่งหลังจากที่สถานีรบดาวมารณะถูกทำลายในยุทธการยาวินแล้ว จักรพรรดิพัลพาทีนก็ได้เร่งการก่อสร้างเอ็กเซคิวเตอร์และยานชั้นเอ็กเซคิวเตอร์ลำอื่นๆตามข้อเสนอของเวเดอร์เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของความน่าเกรงขามของจักรวรรดิแทนดาวมรณะ ซึ่งหลังจากที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว เอ็กเซคิวเตอร์ก็เป็นเหมือนยานธงของกองยานมรณะใต้บังคับบัญชาของดาร์ธเวเดอร์ เอ็กเซคิวเตอร์นั้นมีบทบาทสำคัญในการปิดล้อมกองกำลังพันธมิตรกบฏที่ยาวินและฮอธ และเป็นยานคุ้มกันของสถานีรบดาวมรณะหมายเลขสองระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งในยุทธการเอนดอร์นั้นเอ็กเซคิวเตอร์ก็นำกองยานจักรวรรดิตีขนาบกองยานพันธมิตรกับดาวมรณะ แต่การโจมตีอย่างหนักของกองยานพันธมิตรทำให้สนามพลังของเอ็กเซคิวเตอร์เกิดช่องว่าง ทำให้ฝูงบินที่นำโดยยานAวิงของอาร์เวล ไครไนด์ลอดเข้าไปทำการโจมตีในระดับพื้นผิวได้ ก่อนที่Aวิงของไครไนด์จะถูกยิงจนเสียการควบคุม แต่ไครไนด์ก็สละชีพบังคับเครื่องให้พุ่งชนกับสะพานเดินเรือของเอ็กเซคิวเตอร์จนระบบของยานล่มและตกลงไปชนกับดาวมรณะ



หลังจากที่เอ็กเซคิวเตอร์เข้าประจำการแล้ว จักรวรรดิก็ได้สร้างยานชั้นเอ็กเซคิวเตอร์ออกมาอีก โดยบางลำนั้นก็ได้ติดตั้งระบบพรางตัวเอาไว้ด้วย ซึ่งหลังจากที่จักรพพรดิพัลพาทีนเสียชีวิต ยานชั้นเอ็กเซคิวเตอร์ก็เป็นที่ต้องการกลุ่มกำลังต่างๆที่ชิงอำนาจในจักรวรรดิ และก็มีที่สาธารณรัฐกาแล็กติกใหม่เอาไปใช้งานด้วย
Games Super-Robot-Wars Mecha Story

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา