Angel & me

เรื่องนี้ตอนแรกจะตั้งชื่อเรื่องเป็นภาษาไทยว่าดอกฟ้ากับหมาวัด แต่มันดูง่ายไปหน่อยเลยมั่ว eng เข้าไป หุหุ



แต่งในช่วงเครียดๆ ขนงานกลับมาพิมพ์ต่อที่บ้านแต่ขี้เกียจจัด เลยแต่งฟิคดีก่า 55555 (ขยันจริงนะมึง)



เรื่อง romantic(?) comedy ธรรมดาๆ ไม่วาย ไม่เรท อ่านแล้วอาจงงๆ ไม่ค่อยได้ตรวจทานเท่าไหร่ รีบลงก่อนที่จะอู้งานหนักกว่านี้



**************





Angel & me ::: ดอกฟ้ากับหมาวัด



“ชั้นไปทำงานละนะบ๊อบบี้” นางฟ้าในชุดสีขาวโบกมือน้อยๆให้ผม ก่อนที่ร่างระหงจะค่อยๆบินขึ้นเหนือพื้นเพื่อออกปฏิบัติภารกิจประจำวัน ปล่อยให้หมาเฝ้าประตูสวรรค์ยืนเฝ้ายามต่ออย่างโดดเดี่ยว นาฬิกานับถอยหลังในใจเริ่มทำงาน รอคอยเวลาที่นางฟ้าจะกลับสู่สวรรค์อีกครั้ง ผมเฝ้ามองจนกระทั่งเธอลับสายตา และยังคงอยู่แบบนั้น...



“บ๊อบบี้ เฮ้ย บ๊อบบี้ ........................ ไอ้บ๊อบบี้!!! ยืนเหม่อน้ำลายยืดนะมึง ไปทำงานทำการได้แล้ว!” เสียงตวาดนั้นทำเอาร่างผมร่วงดิ่งจากสวรรค์ลงมานอนดับอนาถอยู่บนพื้นโลก ผมหันไปทางต้นเสียงแล้วยิ้มแหะๆ ตาลุงเอ๊ย มาขัดขวางความสุขคนอื่นซะงั้น กำลังมองส่งคนสวยเพลินๆ ทำเสียบรรยากาศหมด



ไอ้ย่อหน้าแรกของเรื่องนี้ มันก็แค่จินตนาการของผมเท่านั้นเองล่ะครับ ผมคือบ๊อบบี้ ชื่อจริงๆคือสมพร - -“ (ชื่อเก่าแก่ อย่าไปใส่ใจมันเลย) ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเรียกผมว่าบ๊อบบี้คนแรก แต่ก็น่าจะเป็นคนในหมู่บ้านนี้แหล่ะ ผมทำงานเป็นยามประจำหมู่บ้านจัดสรร “Heaven Palace” แห่งนี้ ส่วนนางฟ้าที่เพิ่งร่อน เอ๊ย เดินจากผมไปนั้น...



“แหม... วันนี้น้องกานต์ก็สวยเหมือนเดิมอีกแล้ว กูละอยากไปนอนป่วยให้น้องกานต์มาคอยดูแลจังเล้ยยยย” ไอ้ขจร คนตัดหญ้า (แต่มันชอบให้คนเรียกว่า “จอห์น”) มองออกไปยังนอกประตูหมู่บ้าน แถมทำตาเยิ้มๆ

“ฝันเฟื่องและมึง ยาจกอย่างมึงคิดจะเด็ดดอกฟ้า เฮอะ... ไม่เจียมกะลาหัว อีกอย่าง น้ำหน้าเหียกๆแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้เฉียดกรายเข้าไปใกล้โรงบาลหรูนั่นเลย ไอ้หมามองเครื่องบิน!” ลุงเดช หัวหน้าคนงาน(ที่เมื่อกี้ตวาดใส่ผม) ฉุดขาไอ้ขจรลงมาจากสวรรค์อีกคน



น้องกานต์ หรือชนิกานต์ ลายวงศ์เลิศ (ผมแอบเห็นป้ายชื่อเธอ หุหุ) เป็นสาวงามประจำหมู่บ้าน เธอทำงานเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนใกล้ๆ นอกจากจะมีรูปร่างหน้าตาผิวพรรณงามหมดจดแล้ว ยังมีนิสัยโอบอ้อมอารี มนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศ เหมาะกับชุดพยาบาลที่ซู้ดดดดด (เกี่ยวมั้ย??) สมกับคำว่า “นางฟ้าในชุดขาว” จริงๆ



น้องกานต์อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้มา 2-3 ปีแล้ว ส่วนผมเพิ่งมาทำงานได้ปีกว่าๆ ก่อนหน้านี้ผมไร้ที่อยู่ ไร้ครอบครัว ไร้การศึกษา หากินตามข้างทางไปวันๆ แต่เมื่อหลงมายังหมู่บ้านแห่งนี้ ก็เจอเจ้าของหมู่บ้านใจดีรับผมมาเลี้ยง ให้ผมทำงาน(ยาม) ให้ที่พักและอาหารจนผมไม่เดือดร้อน และผมก็มาเจอนางฟ้าในร่างคนที่นี่ น้องกานต์นั่นเอง (ที่จริงจะเรียกน้องก็ไม่ได้ เพราะผมอายุน้อยกว่า แต่ใครๆเค้าเรียกกันอย่างงี้ ผมก็เลยติดมา)



น้องกานต์เป็นที่หมายปองของใครต่อใคร (รวมทั้งผมด้วย ฮี่ๆๆ) แต่ผมก็ยังไม่เห็นว่าจะมีชายใดมาข้องเกี่ยวกับเธอ โอ้ว.... ฤานี่จะเป็นโอกาสดีแล้ว



“กลับมาแล้วจ้า” น้องกานต์โบกมือทักผม เธอเพิ่งกลับจากเลิกงาน เมื่อเธอมาถึงหมู่บ้านผมมักจะตามไปส่งเธอถึงบ้านเสมอๆ (ส่วนคนอื่น หมดสิทธิ์!! 5555) ที่เราสนิทกันเป็นเพราะ...



เมื่อหลายเดือนก่อน ในคืนที่เงียบสงัด ................................... ก็ไม่เงียบนักหรอก ไอ้บ้านเลขที่ 237/2 เสือกเปิดเพลงซะดังลั่นไปทั่ว จนยัยป้าแหววจอมวีนปากระป๋องแห้วใส่หลังคา เออ เรื่องนั้นช่างมันเหอะ - - คืนนั้นน้องกานต์เกิดเสี้ยนอยากยา............... ยาคูลท์อ่ะคับ ก็เลยเดินดุ่มๆมาเซเว่นตามลำพัง แล้วทีนี้ขากลับมีไอ้พวกถ่อยว่างงาน 2-3 คนเห็นน้องกานต์ในเสื้อยืดแขนกุด กางเกงขาสั้น เผยให้เห็นผิวขาวเนียนน่าสัมผัส ........ อ่อก พูดแล้วเลือดกำเดาจะไหล -,,- ไอ้พวกบ้ามันปรี่เข้ามาแทะโลมน้องกานต์ มาเดินล้อมหน้าล้อมหลัง แถมยังเอามือสกปรกๆมาจับอีก!! โชคดีที่ผมอยู่กะดึกและกำลังเดินตรวจตราแถวๆนั้นพอดี (ความจริงแอบโดดงานตามน้องกานต์ไปตั้งกะออกจากบ้านแล้ววว แต่รู้แล้วเหยียบไว้เลย เดี๋ยวผมโดนตาลุงเดชเอ็ดให้) ผมก็เลยจัดการไล่พวกมันไปซะ หึหึหึหึ ไม่อยากจะโม้ ผมน่ะ เห็นงี้ก็คาราเต้ 2 ดั้งนะครับ เทควันโด้กับยูโดก็สายดำแล้ว แถมยังเคยได้แชมป์มวยสากลระดับประเทศอีก โฮะๆๆ ............................................................................... นั่นผมโม้น่ะ จนๆอย่างผมจะเอาตังค์ที่ไหนไปเรียน อาศัยว่าแรงเยอะกับหน้าตาน่ากลัว แล้วก็วิชามวยวัด เพ่นกบาลพวกมันไปต่างหาก น้องกานต์ท่าทางประทับใจผมมากเลยชวนผมไปต่อกันที่บ้าน คืนนั้นเรามีความสุขมากครับ หึหึหึ



ก็แค่น้องกานต์ชวนผมกินไก่ย่างห้าดาวที่เหลือแค่นั้นเอง -3- แต่ก็นะ... ได้บุกไปถึงบ้านเชียวน้า~ แฮปปี้กระดี๊กระด๊าไปได้อีกหลายวัน รุ่งเช้าผมเดินตามน้องกานต์ไปส่งถึงหน้าหมู่บ้านให้คนอื่นอิจฉาเล่น หุหุหุ สายตาพิศวาส(มองน้องกานต์)อาฆาต(อันนี้มองผม)หลายคู่จับจ้องพวกเราไปตลอดทาง อะฮิอะฮิ หลังจากนั้นเธอจะทักผมทุกครั้งที่เห็น บางทีก็เข้ามาคุยด้วย และมีหลายต่อหลายครั้งที่ผมตามน้องกานต์ไปวิ่งออกกำลังกาย



ถึงผมจะคอยอยู่ใกล้ชิดน้องกานต์แค่ไหน แต่ผมก็ไม่สามารถตามเธอไปถึงที่ทำงานได้ ลำพังงานเฝ้ายามของผมก็กินเวลาแทบจะทั้งวันแล้ว (เหลือเวลานอนแค่วันละไม่กี่ชั่วโมง แต่ทำไงได้ล่ะ เค้าไม่จ้างยามแบบผมเพิ่มแล้วนิ) และเมื่อมองอาคารสีขาวหรูหราระยิบระยับแห่งนั้น โรงพยาบาลเอกชนขึ้นชื่อแห่งหนึ่งในเมือง ผู้คนที่มาใช้บริการล้วนมีฐานะดี ผมยิ่งรู้สึกถึงความต่างชั้นที่ไม่มีวันถมให้เต็มได้ ผมแหงนหน้ามองชั้น 4 ตึกอายุรกรรม ที่ทำงานของน้องกานต์ด้วยความห่อเหี่ยว



มันก็เหมือน.... ดอกฟ้ากับหมาวัดล่ะนะ



++++++++++++



วันสุดสัปดาห์วันหนึ่ง อากาศดีเหมาะกับการจัดกิจกรรมกลางแจ้ง วันนี้ที่โรงพยาบาลของน้องกานต์มีงานกีฬาสีภายใน ผมได้ยินว่าเธอลงแข่งวอลเล่ย์ด้วย กรี๊ดดดดด(?) อยากเห็น *[]* อีแบบนี้ต้องหนีงานสถานเดียวครับพ้ม!!!



โชคดีที่มีเด็กใหม่คนหนึ่งมาอยู่ยามที่ป้อมประจำที่ผมอยู่ มันไม่ทันผมร้อก หุหุ การหนีงานโดยชอบธรรม(?)จึงบังเกิดได้อย่างง่ายดาย ผมวิ่งตรงไปยังสนามหน้าโรงพยาบาล สถานที่จัดงานกีฬาสี โอ้ววววววววววววว น้องกานต์ในชุดวอลเล่ย์~~~~ เจิดจ้าฟ้าประทานมากมายครับ (ก็แค่เสื้อยืดกะกุงเกงขาสั้น) ผมเดินแทรกผู้คนเข้าไปก่อนส่งเสียงเรียก น้องกานต์หันมาด้วยยยย เธอจำเสียงผมได้อะเมี้ยวววว (แล้วมันผิดปกติตรงไหน) ขณะที่น้องกานต์จะเดินมาหาผมนั่นเอง....



มีไอ้หนุ่มคนหนึ่งเดินมาจับไหล่เธอ!!



น้องกานต์หันไปหาแล้วยิ้มกว้าง ก่อนที่จะคุยกับเค้าอย่างออกรส หนอยยยย ไอ้หล่อล่ำนั่นมันเป็นใคร บังอาจมาแตะต้องนางฟ้าของผมได้ แล้วเขาก็ชักชวนกันเดินไปทางอื่น ผมตั้งท่าจะวิ่งตามไป



“เฮ้ยยย ใครพาไอ้ตัวสกปรกเข้ามาที่นี่เนี่ย ออกไป๊!” ชายคนหนึ่งในชุดกีฬาราคาสูง แค่จิตใจไม่ได้สูงตามไปด้วยตวาดใส่ผม แล้วก็มีคนมาลากตัวผมออกไป สงสัยจะเป็นยามของที่นี่ โห... เล่นแบ่งชั้นวรรณะกันงี้เลยเหรอ อย่างงี้มันต้องเจอแข้งพระเพลิงซัดให้ซักหน่อยแล้ว...





30วิต่อมา ผมก็มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่นอกสนาม เข้าไปไม่ได้แล้วฟ่ะ เจอเจ้าที่หน้าดุกว่าแยกเขี้ยวใส่ เลยต้องเดินหูตกกลับไป กลับมาเจอไอ้ลุงเดชยืนถมึงทึงอยู่ เหอะๆๆๆๆ ไม่อยากคิดถึงอนาคตแล้ววววว





++++++++++++





คืนนั้น ผมนั่งโดดเดี่ยวอยู่ริมสระ(แอบไปนั่งทำมิวสิกในบ้านคุณอำพัน เศรษฐีใหญ่) แต่ไม่ทันไรไอ้ร็อตไวเลอร์ก็ลืมตาตื่นแล้ววิ่งไล่กัดผมจนหนีออกมาแทบไม่ทัน ชิ ผมไม่ถูกกะไอ้พวกนี้เลยจริงๆ เดินไปคิดถึงน้องกานต์ไป ป่านฉะนี้เธอจะทำอะไรอยู่นะ คงไม่ได้กำลังมีความสุขอยู่กับไอ้กล้ามโตนั่นหรอกนะ คิดๆไปก็เริ่มสำนึก ผมน่าจะเจียมตัวให้มันมากกว่านี้ ซักวันน้องกานต์จะต้องแต่งงานแล้วก็มีความสุขกับคนที่เธอรัก คนที่จะสามารถดูแลเธอได้ แต่ผมมีอะไรล่ะ แค่ตัวกับหัวใจ และความรักมากมายที่มีให้เธอ (ฮิ้ววววว) แค่นั้นมันไม่เพียงพอหรอก



ผมเดินสะเปะสะปะไปอย่างไม่รู้ทิศ ไม่รู้ผมหลงเข้าไปในซอย 9 ตั้งกะเมื่อไหร่ ซอยนี้ขึ้นชื่อเรื่องหมาดุมาก ที่บ้านใหญ่ท้ายซอยจะเลี้ยงน้องบ๊อกๆพันธุ์บิ๊กไว้เป็นฝูง นึกครึ้มอกครึมใจก็พามันออกมาเดินเล่นที แล้วพี่ท่านชอบพาออกมาพร้อมๆกันในยามวิกาลซะด้วย



ดวงตาแวววาวสะท้อนแสง พวกมันเห็นผมแล้ว!!



“โฮ่งๆๆๆๆๆๆ” ไอ้หน้าหมา (ก็หมาน่ะแหล่ะ) ทั้งหลายพร้อมใจกันวิ่งมาหาผมพลางแสยะเขี้ยววาววับมีน้ำลายยืด (จะอธิบายเพื่อ??) คุณอ้วน เจ้าของหมาที่ถือสายล่ามไว้ก็เอาไม่อยู่ ไอ้หมาหมู่แบบนี้อย่าหวังว่าจา พนม แห่ง Heaven palace อย่างผม (หึหึ) จะสู้ได้ หนีเอาไว้ ชีวาจะปลอดภัย โกยลูกเดียวล่ะงานนี้!!!



ผมวิ่งหน้าตั้งแบบไม่คิดชีวิต อาศัยว่าไวเป็นต่อ หลบหลีกพวกมันได้จนมาถึงเขตปลอดภัย เงยหน้าขึ้นดู โอ๊ะ บ้านน้องกานต์พอดี ;D (จงใจวิ่งมาตะหาก) พอดิบพอดีกับที่น้องกานต์เดินกลับมาจากเซเว่น (ก็ในมือเธอมีถุงเซเว่น สงสัยเสี้ยนยาคูลท์อีกแหง) เห็นผมยืนหอบแฮ่กหน้าบ้านก็เลย..

“อ้าว บ๊อบบี้ ไปทำอะไรมาน่ะ ที่ขามีเลือดออกด้วย” หา..... อะไรนะ ใครเลือดออก ...................... เฮ้ย จริงว่ะ =[]= สงสัยรีบวิ่งจัดจนไปเตะอะไรเข้า

“เข้ามาในบ้านชั้นก่อนสิ มาทายาพันผ้าซะก่อน ท่าทางเจ็บน่าดูเลยนะ” โอ้ววววว นางฟ้าของผมมมม ต้องอย่างงี้สิ ผมแกล้งเดินกะเผลกๆไปซบเธอ (มารยา) แล้วเดินตามเข้าบ้านอย่างว่าง่าย

“วันนี้ชั้นอยู่คนเดียวซะด้วยสิ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด บ้านเลยเงียบเลยเนอะ” ว้าววว บรรยากาศเป็นใจ นี่เราอยู่กันแค่สองต่อสองรึเนี่ย โอย... เก็บอาการไว้ๆ ใจเย็นๆไว้ไอ้สมพร เอ๊ย บ๊อบบี้

“เดี๋ยวชั้นล้างแผลให้นะ ทายาแล้วก็พันผ้าไว้ จะได้หายเร็วๆไง” จ๊อดดดดด มือของน้องกานต์กำลังสัมผัสผมอย่างอ่อนโยน ฮืออออ ดีใจหลายๆ ขอบใจมากไอ้หมาหมู่ ทำไมไม่กัดกูซัก 2-3 แผลวะ จะได้มีแผลให้คนสวยช่วยรักษาเยอะๆหน่อย (มีแผลใจอีกที่อ่ะครับ รักษาให้ผมได้มั้ย... วี้ดวิ้วๆ)

“คืนนี้ค้างที่นี่เลยดีมั้ย...” อ๊ะ... อะไรกันครับคุณผู้หญิง มาชวนหนุ่มบ้านนอกแบบนี้ เดี๋ยวผมก็ใจแตกพอดี แต่... ใครจะปฏิเสธลงละเนอะ จริงมั้ยยยยย



กิ๊งก่อง...



เสียงจากนรกดังกระทบหู ใครเสือกมาเวลาแบบนี้ฟะ ขัดขวางความสุขซะจริงเลย

“ขอโทษนะครับ ผมมาช้าไปนิดนึง” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นก่อนที่เจ้าของเรือนร่างจะปรากฏ น้องกานต์รีบวิ่งไปต้อนรับผู้มาเยือนแล้วเดินคล้องแขนชายหนุ่มเข้ามา



นั่นมัน... ไอ้หล่อล่ำกล้ามโตคนนั้น x[]x



“อ้าว นึกว่าอยู่คนเดียวซะอีก” ไอ้หนุ่มนั้นมองหน้าผมที่กำลังแง่งๆใส่ มันคงคิดประมาณว่า โอ๊ะ มีมารมาขัดความสุขกู มึงน่ะแหล่ะ ขัดความสุขกู ไอ้มารคอหอย!!!

“อ้อ คงยังไม่รู้จักกันสินะ นี่บ๊อบบี้เพื่อนสนิทกานต์ค่ะ เค้าเป็นยามของหมู่บ้าน” ง่ะ... แนะนำว่าผมเป็นเพื่อนสนิท+ยามเรอะน้องกานต์จ๋า จะดีใจดีมั้ยเนี่ย รู้มั้ยว่าเพื่อนสนิทคนนี้คิดอย่างไร ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย... ในความคุ้นเคยกันอยู่ มันแฝงอะไรบางอย่าง ที่มากกว่านั้น โว้วเย้ เบบี้

“ยามเหรอ...” ผมทันเห็นแววตาดูแคลนจ้องมาทางผม หนอย... ไอ้พวกหัวสูง ชอบเหยียดหยามผู้อื่นที่ต่ำต้อยกว่า เกลียดว้อย เกลียดคนรวยยยยย .................... ยกเว้นน้องกานต์นะ

“บ๊อบบี้ นี่อู๋นะ เป็นหมอที่โรงบาลชั้นไง” น้องกานต์หันมาทางผม ท่าทางเอียงอายแบบนั้น จะแนะนำว่าแฟนก็บอกมาเหอะ T T

“ผมมีอะไรมาฝากคุณด้วยนะ ท้าดา..... ” เจ้านั่นโชว์สร้อยไข่มุกอลังการงานสร้างให้เห็น น้องกานต์ตาเป็นประกายเชียะ หึ... รวยแล้วอวดเรอะ แล้วมันก็สวมสร้อยให้น้องกานต์ ท่าทางเธอดีใจอย่างเห็นได้ชัด

“ขึ้นไปข้างบนดีกว่านะ ผมอยากเห็นว่าคุณเหมาะกับสร้อยขนาดไหน เวลาไม่มีเสื้อผ้า” เฮ้ยยยย อย่าบอกนะว่ามันจะ....

“บ้า... พูดอะไรน่ะ” อ๊ากกกกก น้องกานต์แก้มแดงระเรื่อ ไม่ๆๆๆๆ ไม่ยอมมมมมมมม

“นี่บ๊อบบี้” แล้วเธอก็พูดกับผม “คืนนี้นอนข้างล่างนี่ก็แล้วกันนะจ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะมาดูแผลให้อีกครั้ง” ว่าแล้วก็พากันเดินขึ้นบันไดไปกับเจ้านั่น มันหันมายิ้มมุมปากใส่ผม ผมเลยวิ่งเข้าใส่แล้วส่งเสียงดังเพื่อประท้วง



“โฮ่งๆๆๆๆ”



“เฮ้ยยย ไอ้หมาบ้า ทำอะไรน่ะ”

“บ๊อบบี้เป็นอะไรไป หยุดนะ ขอโทษนะคะคุณอู๋ ปกติบ๊อบบี้นิสัยดีมาก ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย” สีหน้าเธอดูหวาดวิตก แย่ล่ะ คะแนนผมตกแหงๆ

“เอามันไปนอกบ้านดีกว่านะผมว่า”

“เหรอ.... งั้นโทษทีนะบ๊อบบี้ คืนนี้นอนข้างนอกนะจ๊ะ แล้วชั้นจะซื้อไก่ย่างมาฝากทีหลัง”



30 วิต่อมา ผมก็มานั่งอารมณ์เสียอยู่หน้าบ้าน หึหึหึหึ อย่านึกว่าผมจะยอมแค่นี้นะไอ้เวร ถึงคืนนี้มึงจะพาน้องกานต์ของกูไปขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่ไหนก็ตาม รอให้พ้นสายตาน้องกานต์ก่อนเถอะ...



พ่อจะกัดให้จมเขี้ยวไปเลย!!!!





-----จบ------



Fiction

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา