โรคที่น่ากลัวกว่าโอตาคุ มันคือ.....

ขอบอกใว้ก่อนว่ามันเป็นโรคที่ทุกคนเป็นได้ แต่ว่าพวกโอตาคุจะเป็นเร็วกว่า



และผมขอสงวนนามทั้งหมดด้วย



เริ่มแรกครอบครัวผม พ่อแม่มักไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยครั้ง พ่อผมเป็นข้าราชการที่พอมีชื่อเสียง สายงานของท่านมักไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยมาก ส่วนแม่ผมต้องไปด้วย



ผมกับพี่ชายมักจะอยู่กับป้าที่อายุมากกว่าพ่อมากกับลูกพี่ลูกน้องที่เป็นพี่สาวที่มีอายุห่างจากผมเกือบ10ปีอยู่ในบ้านเดียวกัน แต่แล้วป้าผมเสียประกอบกับพี่สาวผมได้เป็นอาจารย์ที่มหา’ลัยแห่งหนึ่งเลยมักไปอยู่ที่หอพักอาจารย์ ผมกับพี่เลยต้องอยู่แค่2คนตอนนั้นผมอยู่ม.5 ส่วนพี่ผมปี 3



ผมเริ่มเป็นโอตาคุเมื่ออยู่ม.3 เพราะพี่ผมเขาเริ่มเป็นตอนเขาอยู่ม.5มั้ง เพราะว่านานมากเลยจำไม่ค่อยได้ แต่จำได้ว่าพี่ผมเป็นก่อน



พอผมเข้ามหาลัยได้แถมอยู่ที่มหา’ลัยที่มีชื่อเสียงมากแต่ว่าอยู่ไกลมาก ผมมักโทรกับพี่ชายบ่อยครั้ง นาน ๆ ทีผมจะกลับไปบ้านเป็นครั้งคราว



แต่มีช่วงหนึ่ง น้ำเสียงพี่ผมเริ่มแปลกไป ผมเคยลองถามแม่ในช่วงที่แม่กลับบ้านซึ่งตอนนั้นแม่เริ่มเลี่ยงที่จะพูดถึงพี่ชายผมแล้ว



แล้วมีครั้งหนึ่งหลังสอบปีใหม่ผมมีเวลาหยุดยาวเลยอยากกลับบ้านสักครั้ง ตอนแรกพี่สาวไม่อยากให้ผมมาบ้านเท่าใดนัก พี่เขาไม่ยอมบอกเหตุผลตอนแรก แต่สุดท้ายก็บอกว่าผมอาจช่วยพี่ชายได้ ผมไม่เข้าใจสิ่งที่พี่สาวพูดเลย แล้วนั่งคิดในรถตลอดเวลาว่ามันเกิดอะไรกันแน่



พอกลับบ้านไปพบว่าบ้านนั้นล็อคกุณแจเอาใว้ ไม่รู้เรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายผมมีกุนแจสำรองอยู่แล้ว พอเปิดไป เหมือนไม่มีใครอยู่เลยจนกระทั้ง



"เหมียว!" เสียงเจ้าอิจิโกะ แมวที่ผมกับพี่เคยเก็บได้เมื่อปีก่อน มันมีสีขนขาวดำและมีลายคล้ายสตอเบอร์รี่เลยได้ชื่อนั้น มันมาคลอเคลียผม ผมเห็นว่ามันมีแผลคล้ายรอยถูกฟาดกับรอยมีดเล็กน้อย มันไม่เคยอ้อนผมขนาดนี้มาก่อน พอผมอุ้มมันไปห้องผมซึ่งติดกับห้องพี่ชาย มันรีบโดดหนีไปไกลมาก เหมือนกลัวสุดขีด ผมนั่งพักก่อนที่ห้องผม พบว่าการ์ตูนกับฟิกเกอร์ที่เคยอยู่ที่ห้องผมได้หายไปกับคอมพิวเตอร์ที่ตั้งในห้องผมก็ได้หายไปด้วย ผมได้ยินเสียงเพลงของอนิเมดังออกมาจากห้องพี่ชายผม ผมเลยรีบเปิดห้องพี่ผมแต่มันล็อคอยู่



"พี่ นี่ผมเองพี่อยู่ในห้องใช่มั้ย" ผมพูดพร้อมเคาะประตู ผมคิดว่าได้กลิ่นอะไรบางอย่างจนประตูแง้มออกมา

"แกเองเรอะ"พี่ผมจ้องมองผมมาจากช่องประตู"นึกว่าพวก'นั้น'ซะอีก มะเข้ามาเลย"



สิ่งที่พี่ผมเห็นในห้องนั้นเหลือเชื่อมากเกินไป มันยิ่งกว่าที่ผมเคยมาบ้านครั้งล่าสุด ห้องนั้นกลิ่นอบอวลด้วยกลิ่นฮารท์ดีสไหม้ คอมตัวแรกของพี่ปิดอยู่กับคอมของผมซึ่งกำลังเล่นอนิเมการ์ตูนสาวน้อยอยู่ ฟิกเกอร์ที่มีขนาดต่าง ๆ กันวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ หนังสือการ์ตูนวางเรียงรายอยู่ใต้เตียง ผ้าปูเตียง หมอน และหมอนข้างเป็นตัวการ์ตูนจากเรื่องต่าง ๆ ที่เหล่าโอตาคุชอบมาก และโปสเตอร์ต่าง ๆ เต็มห้อง



"พี่ นี่มัน"



"สุดยอดใช่มั้ย แต่ขอโทษทีที่ต้องยืมคอมแก เพราะว่ามันโหลดไม่ได้ตลอด24ชั่วโมง ไอ้เครื่องเฮงซวย"



"ไม่ใช่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"



"ไม่มีอะไร แค่อยากเปลี่ยนอะไรนิดหน่อยให้มันเข้ากับฉันเท่านั้นเอง”



"หมายความว่าอะไรกัน"



"ก็แค่อยากลองสร้างสวรรค์บนดินเท่านั้นเองแหละ แต่ดันมีมารมาทำร้ายพวกเธอนิดหน่อยน่ะ เจ้าสัตว์นรกที่เราเคยเก็บมันมาเท่านั้นเอง"



"สัตว์นรก ? หมายถึงอิจิโกะเหรอ"



"ใช่ มันบังอาจมาทำร้ายพวกหล่อนน่ะสิ ดูสิ" เขาพูดพลางชี้ไปที่โปสเตอร์อันหนึ่งที่มีรอยแมวข่วน"เป็นแกคงเข้าใจนะความเจ็บปวดอันนี้"



"แต่ว่า แล้วเรื่องงานล่ะ"



"ฉันก็ลองแต่งนิยายดูก่อน เผื่อดังมาก็ได้รวยเอง ไม่จำเป็นต้องไปทำงานแข่งกับพวกนั้นสักหน่อย เห็นไหม ไม่จำเป็นต้องไปทำงานเหมือนพ่อเลย"



"หมายความว่าพี่น่ะ ไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย"



"ถูกต้อง น้องรัก"



"แล้วแฟนพี่ล่ะ อย่าบอกนะว่า"



"ใช่ เราเลิกกันแล้ว ยัยสามมิตินั่นมันไม่เข้าใจเราเลย ไม่เหมือนพวกหล่อนที่เอาอกเอาใจเราเลย"แล้วพี่ผมก็จ้องมองอนิเมต่อพร้อมทำหน้าหื่นกระหาย แล้วผมก็เริ่มถอยห่าง



"อ่าว ไม่ดูด้วยกันหน่อยหรือ"



"ไม่ล่ะ" ตอนนั้นผมเผลอทำหน่าคล้ายขยะแขยงพี่ตนเอง



"หรือว่าแก ไม่สิ หรือว่าเป็นพวกนั้นปลอมตัวกัน"



"หมายความว่าอะไรกัน"



"ออกไปนะออกไป"แล้วพี่ที่เคยฝึกเทควอนโดก็ถีบผมซึ่งหนักเกือบร้อยกระเด็นออกนอกห้อง แล้วล็อคประตู ผมกำลังคิดเรื่องที่ผมเคยอ่านตอนว่าง ๆ พี่ผมอาจจะเป็น...



"เธอเห็นแล้วสินะ"ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นพี่สาวผมเดินมาหา เธอเพิ่งกลับมาเมื่อกี้นี้เอง



"พี่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"



"คือว่า ขอเริ่มจากตอนที่พ่อเธอให้ไปฝึกงานน่ะ เธอก็รู้ว่าพ่อเธอน่ะเป็นคนยังไง เขากดดันพี่มากไป บวกกับถูกเปรียบเทียบกับพ่อเขาจากคนที่ทำงาน แถมยังมีคนล้อเลียนเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเธอเป็นกัน แล้วสุดท้ายแฟนก็ทิ้ง เลยกลายเป็นแบบนี้ ตอนนี้น่ะ ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้เลย แม้แต่จิตรแพทย์ที่มารักษา พี่เลยได้แต่คองส่งอาหารใว้บนโต๊ะน่ะ" พี่สาวถึงกับนำตาร่วง



"ทำไมพี่ถึงไม่บอกผมล่ะ"



"เพราะพี่เห็นว่าเธอใกล้สอบเลยไม่กล้าบอก และน้า(หมายถึงแม่ผม)ไม่อยากให้เธอรู้อีก เพราะกลัวว่าเธอจะกังวลเกินไป"



"บัดซบเอ้ย!"



"เธอคงรู้สินะว่าพี่เธอเป็นอะไร"



"ครับ"



ไม่น่าเชื่อว่าโรคนี้จะเกิดกับคนในครอบครัวผมได้ ผมเคยอ่านเล่นในหนังสือต่าง ๆ กับการ์ตูนบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้



พี่ผมไม่ใช่รายแรกและอาจไม่ใช่รายสุดท้ายที่เป็น ตอนนี้อาจยังไม่แพร่หลายเพราะยังไม่เป็นที่รู้จักนัก



ใช่แล้ว ตอนนี้พี่ผมเป็นโรคที่เรียกว่า



"ฮิคิโคโมริ"
Miscellaneous

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา